บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนทำกำไรไตรมาส 3 ได้เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า จากอานิสงส์ของรายได้จากตราสารอนุพันธ์ที่อิงกับตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
รายได้สุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นแตะที่ 3.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,087 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 1.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 682 ดอลลาร์/หุ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ โดยรายได้จากการดำเนินงานซึ่งไม่นับรวมรายได้จากการลงทุนอยู่ที่ 1,325 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1,267 ดอลลาร์/หุ้น
เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ รายงานผลกำไรจากธุรกิจตราสารอนุพันธ์ที่ 1.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับที่ขาดทุน 1.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว โดยสัญญาการซื้อขายที่อิงกับตลาดหุ้นนั้นเพิ่มขึ้น 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับที่ขาดทุน 880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสัญญาตราสารอนุพันธ์ประเภท credit-default swap ทำกำไรได้ 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับที่เคยขาดทุน 342 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท เบอร์ลิงตัน นอร์ทเธิร์น ซานตาเฟ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสร้างทางรถไฟขนาดใหญ่ เป็นเงินมูลค่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความฮือฮาในตลาดหุ้นนิวยอร์กและยังช่วยหนุนดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P 500 ให้สามารถปิดในแดนบวก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มกระแสคาดการณ์ถึงมูลค่าหุ้นและหนุนการลงทุนในบริษัทเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เตรียมลดอันดับเครดิตของบริษัท เบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ หลังจากที่บริษัทได้ซื้อกิจการบริษัท เบอร์ลิงตัน นอร์ทเธิร์น ซานตาเฟ คอร์ป โดยระบุว่าการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะส่งผลให้สภาพคล่องและเงินทุนในธุรกิจประกันของเบิร์คเชียร์หดตัวลง