World Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Monday November 9, 2009 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.ที่ลดลงน้อยกว่าในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดเผชิญแรงกดดันจากคำสั่งขายซึ่งส่งผลสกัดแรงบวกในตลาด เนื่องจากอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 26 ปี ซึ่งสภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเช่นนี้ทำให้นักลงทุนส่วนเชื่อใหญ่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 17.46 จุด หรือ 0.2% ปิดที่ 10,023.42 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.67 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 1,069.30 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 7.12 หรือ 0.3% แตะที่ 2,112.44 จุด

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% นับตั้งแต่ปี 2526 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าวิกฤตการณ์ตลาดแรงงานในสหรัฐอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอาจฉุดดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 80.34-76.71 ดอลลาร์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรเพราะเชื่อว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจะกดดันสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนแอลง แต่จะเป็นป้จจัยบวกต่อตลาดทองคำ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,095.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1,100 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบาง หลังจากอัตราว่างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2526 อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นรุนแรงจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.23% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4846 ยูโรต่อดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4880 ยูโรต่อดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0170 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0156 ฟรังค์ต่อดอลลาร์

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6613 ปอนด์ต่อดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.6590 ปอนด์ต่อดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.90% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.920 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 90.740 เยนต่อดอลลาร์

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นสายการบินบริติช แอร์เวย์ส และหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่ออัตราว่างงานในสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10%

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 บวก 17.08 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 5,142.72 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ