ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐมีแนวโน้มว่าจะยังไม่จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี หลังผลสำรวจชี้อัตราการจ้างงานตามร้านค้าและร้านอาหารของสหรัฐในเดือนก.ย.-ต.ค.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
ผลสำรวจจากบริษัทโครนอส อิงค์ ผู้ผลิตซอฟท์แวร์ที่จัดทำดัชนีการจ้างงานภาคธุรกิจค้าปลีกบ่งชี้ว่า อัตราการจ้างงานในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 2.58% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2549 ขณะที่อัตราการจ้างงานในเดือนต.ค.อยู่ที่ 2.9% ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับ 3% ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จากโครนอสกล่าวว่า "เป็นไปได้ว่าผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกอาจจ้างพนักงานเพิ่ม หรือไม่ก็เพิ่มชั่วโมงการทำงานของพนักงานในร้าน แต่แน่นอนว่าจะยังใช้พนักงานเก่าทำงานตามเดิมในช่วงเทศกาลวันหยุด"
ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า อัตราว่างงานของสหรัฐประจำเดือนต.ค.ถีบตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% เนื่องจากนายจ้างบางส่วนปรับลดการจ้างงานท่ามกลางความวิตกกังวลว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจชะลอตัวลง หลังมาตรการกระตุ้นตลาดยานยนต์และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มหมดอายุลง โดยอัตราจ้างงานในภาคธุรกิจค้าปลีกลดลง 39,800 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว หลังจากที่ดิ่งลง 44,200 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
โดยในปีนี้ วันศุกร์ทมิฬ หรือ "Black Friday" ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลจับจ่ายซื้อสินค้าหลังผ่านพ้นเทศกาลขอบคุณพระเจ้า และเป็นสัญญาณการต้อนรับช่วงวันหยุดของสหรัฐนั้นตรงกับวันที่ 27 พ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย Retail Metrics Inc คาดว่า ยอดขายในเดือนพ.ย.-ธ.ค.อาจกระเตื้องขึ้น 2-4% จากระดับในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ โครนอสเปิดเผยดัชนีชี้วัดการจ้างงานในภาคธุรกิจค้าปลีกที่ได้จากการสำรวจบริษัทต่างๆ 68 แห่งซึ่งครอบคลุมร้านค้าในสหรัฐ 27,034 แห่ง โดยบริษัทเป็นผู้พัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อให้ภาคธุรกิจใช้ในการจ้างงาน รับพนักงาน กำหนด และบริหารจัดการลูกจ้าง นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ในปี 2551 ที่ประมาณ 715 ล้านดอลลาร์สหรัฐ