นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน(มณฑลกวางตุ้ง) ซึ่งจัดโดยหอการค้าไทย-จีนว่า ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญ เพราะกลจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยช่วงครึ่งแรกปี 52 เศรษฐกิจจีนเติบโตถึง 7.88% แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ
ในช่วงไตรมาส 2/52 จีนก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทย แซงหน้าสหรัฐและญี่ปุ่น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้งมีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 13,180 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.1% และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวของมณฑลกวางตุ้งมาเที่ยวในไทยมากถึง 2.5 แสนคน
และจากความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม และสังคมทำให้ไทยและจีนมีความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยตามแผนปฏิบัติการร่วมไทยจีนตั้งแต่ปี 50-54 มีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่าง 2 ประเทศให้ได้ถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มการลงทุนเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 4 ล้านคนในปี 53 และจากความตกลงว่าด้วยการลงทุนภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนจีนที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า คาดว่าจะช่วยขยายการลงทุนระหว่าง 2 ภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีก 40-60% ภายใน 2 ปีนี้
"ในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ไทยจะเปิดดำเนินการศูนย์ประสานงานการบริการนักลงทุน หรือ One start one stop investment center เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยด้วย" นายชาญชัย กล่าว
ด้านนางอรรชกา ศรีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนื้ มีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากจีนจำนวน 16 โครงการ มูลค่าทั้งสิ้น 10,427ล้านบาท หรือประมาณ 2,085 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9 เท่า โดยมีบริษัทขนาดใหญ่ เช่น หมิ่นสือ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัท มีเดีย ซึ่งผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท ตงหยุ่น ซึ่งเป็นบริษัทผลิต printing rollers plates
นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น เนื่องจากบีโอไอประกาศให้ปี 51-52 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะขอใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว
สำหรับความร่วมมือระหว่างมณฑลกวางตุ้งกับไทย ในปี 51 มียอดการนำเข้าและส่งออกของมณฑลกวางตุ้งกับไทย มีมูลค่า 13,190 ล้านดอลลาร์ เป็น 1 ใน 5 ของยอดการค้าระหว่างประเทศจีนกับไทย ซึ่งเพิ่มขึ้น 18.2% เมื่อเทียบปี 51 สูงกว่าอัตราการเติบโตของการค้านำเข้าและส่งออกมณฑลกวางตุ้งทั้งหมดที่อยู่ 10.4%
และมีผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในมณฑลกวางตุ้งโดยตรง มูลค่า 547 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของการลงทุนทั้งหมดในประเทศจีนของไทย ส่วนการลงทุนโดยตรงนอกภาคการเงินของกวางตุ้งในประเทศไทย คิดเป็น 166 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 41.3% ของการลงทุนในประเทศไทยของจีน เช่น กลุ่ม TCL และ บริษัท จงฟู่จูไห่ เป็นต้น
นายหลิว จิ่น ถง รองประธานหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่ามณฑลกวางตุ้งกับไทยมีโอกาสทางธุรกิจมากมาย โดยไทยเป็นประเทศกลุ่มเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ได้แก่ เกลือโปแตซ ดีบุก ประมง และป่าไม้ เศรษฐกิจการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นเอกลักษณ์ของไทย และยังมีศักยภาพอีกมาก
ขณะที่มณฑลกวางตุ้งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของจีนและของโลก สินค้าแบรนด์เนมจำนวนมากได้รับการยอมรับจากสังคมโลก เช่นอิเล็กทรอนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และ อุตสาหกรามเบา และ อุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งขณะนี้กวางตุ้งกำลังดำเนินการแผนพัฒนาและปฏิรูปเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง เป็นเขตสาธิตรูปแบบการพัฒนาตามหลักวิทยาศาสตร์ของจีน เป็นเขตนำร่องในการปฏิรูปเชิงลึกและเป็นหน้าต่างสำคัญที่เปิดสู่โลกของจีน
ด้านนายหวาง หยาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่า กวางตุ้งจะเสริมสร้างความร่วมมือของไทยใน 6 ด้าน คือ สนับสนุนให้วิสาหกิจของกวางตุ้งให้มาลงทุนใน ไทย การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้ การส่งเสริมนักท่องเที่ยวกวางตุ้งมาเที่ยวไทย การส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนด้านท่องเที่ยวในกวางตุ้ง การสร้างความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง ระหว่างกวางโจวกับกรุงเทพ ฯ และ เรียนรู้ประสบการณ์ในการจัดงานกีฬาเอเชียนเกมส์จากกรุงเทพ และการสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาล