อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยอมรับปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของอาเซียน แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการก้าวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ภายในปี 2558 อย่างแน่นอน
"กระทบต่อภาพลักษณ์ของอาเซียน และบั่นทอนเสถียรภาพของอาเซียน แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อเป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมืองที่น่าจะเกิดผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนการเจรจาอื่นๆ ด้านการค้าและการทำธุรกิจระหว่างกันนั้นยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ย.นี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก(เอเปค) ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในวันที่ 13 พ.ย.จะลงนามร่วมกับ รมว.การค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยว สาธารณรัฐเปรู ในพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 2 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีเปรูร่วมเป็นสักขีพยาน
สาระสำคัญของพิธีสารดังกล่าว ไทยและเปรูผูกพันที่จะลด/เลิกภาษีประมาณ 70% ของรายการสินค้าทั้งหมดที่ค้าขายกัน ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 50% ไทยสามารถลดเป็น 0% ได้ทันทีหลังพิธีสารมีผลบังคับใช้ ส่วนที่เหลือจะทยอยลดเป็น 0% แต่ยังไม่ได้กำหนดระยะที่แน่นอน นอกจากนี้ในพิธีสารดังกล่าวยังปรับรายการสินค้าและกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าจากระบบพิกัดอัตราภาษีศุลกากรปี 2545 มาเป็นปี 2550