นายเผิง ไฝ่หนาน ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันประกาศห้ามนักลงทุนต่างชาติฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารในไต้หวันเพื่อป้องกันการเก็งกำไร ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันในวันนี้ โดยธนาคารกลางไต้หวันระบุว่าในขณะนี้มีเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารในไต้หวันสูงถึง 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง 5 เท่า ซึ่งนายเผิงระบุว่าเม็ดเงินดังกล่าวอาจมีเป้าหมายเพื่อการเก็งกำไรมากกว่าที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ Taipei Forex Inc ว่า ณ เวลา 09.16 น.ตามเวลาไทเป ดอลลาร์ไต้หวันดิ่งลง 0.1% แตะที่ 32.383 ดอลลาร์ไต้หวัน/ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันกล่าวว่า เม็ดเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ไต้หวันจำนวนมากส่งผลกดดันสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่ามากเกินไปในช่วงที่ผ่าน โดยดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบ 4 เดือน
"อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันควรเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานและสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจอย่างถูกต้อง มีเม็ดเงินจากกองทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ไต้หวันจำนวนมาก ส่งผลยอดรวมของเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ไต้หวันในปีนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวัน ขณะที่ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันพุ่งขึ้นไปแล้ว 64% ในปีนี้" ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันได้สั่งให้มีการตรวจสอบการซื้อขายที่ไม่ปกติของธนาคารพาณิชย์ต่างชาติในไต้หวัน เพื่อดูว่ามีการเก็งกำไรค่าเงินด้วยการกระหน่ำขายดอลลาร์สหรัฐในตลาดฟอร์เวิร์ดหรือไม่ นับตั้งแต่ธุรกรรมการทำฟอร์เวิร์ดพุ่งขึ้น 3.5% ในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทุ่มซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไต้หวันด้วยเช่นกัน
เมื่อไม่นานมานี้ ดอลลาร์ไต้หวันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากหนังสือพิมพ์คอมเมอร์เชียล ไทม์สรายงานว่า ยอดเกินดุลการค้าของไต้หวันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่า สู่ระดับ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้