นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เสนอกระทรวงพาณิชย์เร่งประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหารเพื่อให้ความเห็นชอบนโยบายการนำเข้ากากถั่วเหลืองปี 53 ภายในสัปดาห์นี้ โดยให้ยึดพิจารณาตามมติคณะอนุกรรมการกำกับดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่มีมติให้นำเข้ากากถั่วเหลืองแบบเสรี ไม่จำกัดปริมาณ และเก็บภาษีนำเข้า 2% เหมือนปี 52
พร้อมทั้งเสนอแนะให้ภาครัฐออกประกาศการนำเข้ากากถั่วเหลืองภายในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกประกาศระเบียบการนำเข้า และให้มีผลทันวันที่ 1 ม.ค.53
"หากประกาศไม่ทันจะทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการสูงขึ้น จากการนำเข้าที่ไม่มีใบอนุญาต โดยต้องวางเงินสดเป็นค่าภาษีนำเข้าสูงถึง 10% และใช้เวลานานกว่า 6-10 เดือนจึงจะได้คืน นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้ประกอบการขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อการผลิต ที่ปัจจุบันนำเข้ามากถึงเดือนละ 200,000 ตัน เพราะไม่กล้านำเข้าจากภาระต้นทุนที่สูงขึ้น
อีกทั้ง ยังมีค่าเช่าเรือสินค้าวันละ 3 ล้านบาท/1 ลำ ในกรณีที่ไม่สามารถนำเข้าสินค้าได้ เพราะติดปัญหาการทำใบอนุญาต ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้เป็นต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และอาจมีการปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์ได้"นายพรศิลป์กล่าว
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า หากต้นทุนอาหารสัตว์สูงขึ้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องผลักภาระมาให้ผู้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งในปีนี้ผู้นำเข้าคงต้องนำเข้ากากถั่วเหลืองในอัตราภาษี 10% อย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือนระหว่างรอใบอนุญาต ทำให้ผู้เลี้ยงสัตว์อาจต้องใช้อาหารสัตว์ในราคาที่แพงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลควรรีบพิจารณาเพื่อช่วยลดภาระด้านต้นทุน ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อราคาเนื้อหมูได้