นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.)เปิดเผยว่า จากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและยืนยันที่จะไม่ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีในประเทศไทย ส่งผลให้รัฐบาลไทยลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาลงนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการให้สินเชื่อกับนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชา และการปล่อยสินเชื่อให้แก่รัฐบาลกัมพูชา
ล่าสุด ธสน.ปล่อยสินเชื่อแก่รัฐบาลกัมพูชาเพื่อก่อสร้างถนน วงเงิน 1,300 ล้านบาท ขณะนี้มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้ว เหลืออีก 2 งวดงาน วงเงิน 121 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้ภาคเอกชนลงทุนในกัมพูชามีจำนวน 1,400 ล้านบาท เป็นธุรกิจโรงแรม 50% ที่เหลือเป็นโครงการศูนย์การค้า กิจการโทรคมนาคม
"ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนในกัมพูชา โดยธนาคารยังไม่มีการชะลอการให้สินเชื่อ หรือระงับการให้สินเชื่อในโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ขณะที่โครงการลงทุนใหม่ๆ ยังไม่มีในตอนนี้"นายณรงค์ชัย กล่าว
ประธาน ธสน.กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลที่ทางการไทยได้ลดระดับความสัมพันธ์ลงเท่านั้น แต่ยังไม่มีการปิดด่านการค้าตามแนวชายแดน ซึ่งหากเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้น เชื่อว่าในส่วนของภาคธุรกิจของจะมีการพิจารณาการลงทุน และธนาคารมีมาตรการที่จะช่วยเหลือลูกค้าอยู่แล้ว
ด้านนายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มในกัมพูชา จากปัจจุบันเครือ SCC เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานซีเมนต์ โรงงานผลิตหลังคา และ SCG Trading ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของรัฐบาลไทยกับกัมพูชา