ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยในระหว่างวันดอลลาร์ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่ายเมื่อนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวในระหว่างเดือนทางเยือนญี่ปุ่นว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.02% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 89.820 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 89.840 เยน/ดอลลาร์ และฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย 0.03% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ 1.4977 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4982 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนในระหว่างวัน
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0081 ฟรังค์/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 1.06% แตะที่ 1.6556 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.6733 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียรูดลง 0.09% แตะที่ 0.9295 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9303 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับลง 0.44% แตะที่ 0.7394 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7427 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
มาร์ค แชนเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Brown Brothers Harriman กล่าวกับเอพีว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังอ่อนแอและมีแนวโน้มที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดสกุลเงินดอลลาร์ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนในระหว่างวัน
แต่ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อไกธ์เนอร์กล่าวในระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ว่า ดอลลาร์ที่แข็งแกร่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นายนายฮิโรอิชิ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นยืนยันต่อไกธ์เนอร์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนนโยบายดอลลาร์แข็งแกร่งของสหรัฐ พร้อมกับทำข้อตกลงให้ความร่วมมือกันเพื่อลดยอดขาดดุลการค้าระหว่างประเทศและลดภาวะไร้สมดุลด้านการออม
ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัวประมาณ 3.75% ภายในปี 2554 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่เร็วกว่ารายงานคาดการณ์เมื่อเดือนส.ค.
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานว่า จำนวนคนตกงานในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 18 เดือน ส่งสัญญาณว่าความพยายามของรัฐบาลในการดึงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยนั้นกำลังได้ผล ทั้งนี้ จำนวนประชาชนที่ไม่มีงานทำในอังกฤษเพิ่มขึ้นอีก 30,000 คน แตะ 2.46 ล้านคนในระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย.2552 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส มี.ค.- พ.ค. 2551