นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจคาลิยงคาดการณ์ว่า จีนจะเริ่มปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในต้นปีหน้า หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศแผนกำหนดนโยบายเพิ่มความยืดหยุ่นของสกุลเงินหยวนมากขึ้น
บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในรายงานรายไตรมาสว่า อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนจะเคลื่อนไหวอิงตามฐานเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงปรับตัวตามสกุลเงินหลักๆ
"ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้จีนสามารถปรับค่าเงินให้ยืดหยุ่นมากขึ้น" เซบาสเตียน บาร์บ นักวิเคราะห์จากคาลิยงในฮ่องกง กล่าว "เรายังคงหวังว่าจีนจะเริ่มขึ้นค่าเงินหยวนในช่วงต้นปีหน้า"
โดยเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 21% ในรอบ 3 ปี หลังจากที่จีนยกเลิกนโยบายผูกติดเงินหยวนกับเงินดอลลาร์เมื่อเดือนก.ค.2548 ก่อนที่จีนจะแทรกแซงตลาดเงินด้วยการควบคุมความเคลื่อนไหวของเงินหยวนให้อยู่ที่ 6.83 ต่อดอลลาร์ ในช่วงที่ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ขณะเดียวกันจีนจำเป็นต้องซื้อเงินดอลลาร์เพื่อสกัดการแข็งค่าและเพื่อช่วยกระตุ้นทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนอีก 4.28 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนก.ค.2551 มาอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
รายงานของธนาคารกลางเมื่อวานนี้ระบุว่า จีนกำลังพิจารณากรอบเวลาในการเริ่มกระตุ้นการแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ จีนกำลังเผชิญแรงกดดันเรื่องนโยบายค่าเงินจากนานาประเทศ หลังเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในยุโรปและญี่ปุ่นเรียกร้องให้จีนดำเนินการปรับค่าเงินหยวนในระหว่างการประชุมจี-20 ที่เมืองเซนต์ แอนดรูว์ ในสก็อตแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นายโดมินิก สเตราส์ คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าจีนจะแก้ปัญหาเรื่องเงินหยวนที่มีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง และล่าสุดเมื่อวานนี้นายฮารุฮิโกะ คูโรดะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ออกมาเรียกร้องให้จีนเพิ่มความยืดหยุ่นต่อค่าเงินหยวนมากขึ้น