สื่อคาดว่า การเดินทางเยือนจีนของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐสัปดาห์หน้า ผู้นำสหรัฐคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะผลักดันจีนให้พิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายเงินหยวนได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ธนาคารกลางอินเดีย เกาหลีใต้ ไทย และไต้หวันเตรียมซื้อเงินดอลลาร์ เพื่อควบคุมการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศ
ก่อนหน้านี้ บริษัทในเอเชียต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บริษัทคู่แข่งอย่างจีนมีข้อได้เปรียบด้านการค้าอย่างไม่เป็นธรรมเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนและดอลลาร์สหรัฐ โดนเงินดอลลาร์ได้ร่วงลงมา 14% ในปีที่แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้ารายใหญ่ทั้ง 6 ประเทศ
โอบามาจะเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นก่อนในวันนี้ หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อเข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ต่อด้วยการเดินทางเยือนจีนในวันที่ 16-17 พ.ย. และปิดท้ายที่เกาหลีใต้
ไซมอน จอห์นสัน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อปี 2550-2551 และปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของปีเตอร์สัน อินสทิทิว ฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า ความไม่ยืดหยุ่นของค่าเงินหยวนกำลังส่งผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศที่ค่อนข้างจะยากจน
ในขณะที่โอบามาพยายามที่จะผลักดันให้เป้าหมายของกลุ่ม G-20 ประสบความสำเร็จในการสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจโลก ค่าเงินวอนก็แข็งค่าขึ้นมาแล้ว 8% เมื่อเทียบกับเงินหยวนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เงินเยนก็แข็งค่าขึ้น 6% ส่วนเงินรูปีของอินเดียดีดตัวขึ้น 6% และเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4%
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของจีนจะนำเรื่องกระแสเงินหมุนเวียนของเงินทุนทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสกุลเงินหลักๆบรรจุไว้ในรายงานเรื่องการรักษาเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจจีนก็ขยายตัวไปแล้ว 8.9% ในไตรมาส 3 จากระดับปีที่แล้ว
สตีเปน โร้ช ประธานมอร์แกนสแตนลีย์เอเชีย กล่าวว่า มีสัญญาณออกมาแล้วว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น และอาจจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่ธนาคารกลางจีนจะกลับมาบริหารเงินหยวนให้ลอยตัว แม้ว่าการเปลี่ยนที่อาจจะเกิดขึ้นอาจจะไม่สูงถึง 15-20% ตามที่สภาสหรัฐฯต้องการ