สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2552 ของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป ขยายตัว 0.7%ต่อไตรมาส หลังจากขยายตัวเพียง 0.4%ต่อไตรมาส ในไตรมาสที่ 2
เศรษฐกิจเยอรมีซึ่งขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมส่งออกเป็นหลักได้เข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงในปีที่แล้ว เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ดีมานด์สินค้าจากเยอรมนีหดตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยอดสั่งซื้อจากลูกค้าในต่างประเทศ และดัชนีภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น จึงช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3
เคลาส์ บาเดอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล ในลอนดอน กล่าวว่า "อังเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 8.5 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีจะช่วยให้เศรษฐกิจของ 16 ชาติในยูโรโซนขยายตัวในไตรมาส 3 ด้วย โดยยูโรสแตทจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีในยูโรโซนในวันนี้
อย่างไรก็ตาม บาเดอร์กล่าวว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังคงอยู่ในภาวะเปราะบางเนื่องจากสกุลเงินยูโรแข็งค่าเกินไป อาจทำให้ยอดส่งออกของเยอรมนีซบเซาลง นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหล้หมดอายุอาจส่งผลให้เศรษฐกิจกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนีปรับตัวลดลงแตะ 51.1 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ 56 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าระดับคาดการณ์เฉลี่ยที่ 55 จุดของนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กนิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นไว้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใกล้จะหมดอายุลง และอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ