ที่ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศกำหนดเป้าหมายเร่งส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศให้ได้ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี จากปี 51 อยู่ที่ราว 2,835 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงาน พร้อมเร่งศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำ พ.ร.บ.ใหม่ และตั้งสำนักส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศดูแลแบบบูรณาการ
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศครั้งแรก ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบกำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ
3 กลุ่มประเทศเป้าหมายหลักที่จะเพิ่มการลงทุน ได้แก่ กลุ่มอาเซียน จีน เอเชียใต้ เอเชียกลาง, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา ครอบคลุมการเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านต่างๆ ประกอบด้วย 1.การลงทุนเพื่อเข้าถึงตลาด เช่น สินค้าอุปโภค บริโภค อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง การสื่อสารโครคมนาคม ท่องเที่ยว สปาและความงาม รวมถึงการผลิตอาหารสัตว์ 2.การลงทุนเพื่อเข้าถึงทรัพยากร เช่น ประมง ปศุสัตว์ แปรรูปผลิตผลทางการเกษตร เหมืองแร่ ผลิตภัณฑ์ไม้และเฟอร์นิเจอร์ และ 3.การลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น อัญมณี และเครื่องประดับ เสื้อผ้าสำเร็จรูป และสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น
ภาครัฐจะจัดสัมมนาให้กับผู้ประกอบการที่เคยไปลงทุนและสนใจไปลงทุนเพื่อให้ได้ข้อมูลในเชิงลึก และตรงกับความต้องการของภาคเอกชนทั้งในประเด็นยุทธศาสตร์และมาตรการสนับสนุนต่างๆ ขณะเดียวกันจะเร่งจัดตั้งสำนักส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศภายใต้บีโอไอก่อนที่จะยกสถานะเป็นองค์กรถาวร เพื่อดูแล ศึกษาวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุน รวมทั้งจัดทำแผนปฎิบัติการลงทุนไทยในต่างประเทศในด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมทั่วถึง ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในไตรมาส 3/53