ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการนำเข้าน้ำมันและยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายคาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าจะเพิ่มขึ้นแตะ 3.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 3.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาต้นทุนสินค้าจากต่างประเทศในเดือนต.ค.จะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
อุปสงค์สินค้าจากต่างประเทศน่าจะยังขยายต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคธุรกิจกระเตื้องขึ้น ขณะเดียวกันการส่งออกก็อาจปรับตัวสูงขึ้นจากอานิสงส์ด้านการใช้จ่ายเงินของหลายประเทศในเอเชียและยุโรป ประกอบกับภาวะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงได้กระตุ้นความต้องการสินค้าจากสหรัฐ และส่งผลให้บริษัทหลายแห่งปรับเพิ่มกำลังการผลิต
"อุปสงค์ภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและภาวะเช่นนี้จะกระตุ้นให้สหรัฐนำเข้าสินค้ามากขึ้น" ไนเกิล กอลท์ นักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าว "แนวโน้มการนำเข้าสินค้าในไม่กี่เดือนต่อจากนี้ จะขยายตัวเร็วกว่าการส่งออก"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดรายงานดุลบัญชีการค้าประจำเดือนต.ค.ในเวลา 08:30 น.ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอขิงตัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลจะอยู่ระหว่าง 2.86-3.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าสินค้าในเดือนต.ค.ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบไต่ระดับสูงขึ้น ส่วนต้นทุนสินค้าต่างประเทศอาจลดลง 5.5% จากปีก่อนหน้านี้