มาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเจ้าของบริษัท มาร์ค ฟาเบอร์ ลิมิเต็ด ในฮ่องกง กล่าวแสดงความเห็นว่า ผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ไม่มั่นใจต่อการให้คำมั่นสัญญาณของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในเรื่องการเปิดเสรีการค้า อีกทั้งไม่มั่นใจต่อการที่โอบามาปฏิเสธที่จะสนับสนุนเสียงเรียกร้องส่วนใหญ่ที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน
"สิ่งที่โอบามากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้คือสายตาของชาวโลกที่มองว่าอิทธิพลของสหรัฐอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ท่าทีของโอบามาบนเวทีเอเปคสะท้อนให้เห็นว่า เขาอ่อนมากในประเด็นการค้า โอบามาพูดเรื่องการเปิดเสรีการค้าทั้งๆที่สหรัฐเพิ่งตั้งกำแพงภาษีนำเข้ายางรถยนต์ของจีน" ฟาเบอร์กล่าว
จากสถิติของอาเซียนพบว่า สหรัฐสูญเสียตำแหน่งประเทศที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจต่อเอเชียมากที่สุดให้กับจีนเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งที่เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีเส้นทางการเดินเรือเชื่อต่อกับเส้นทางการค้าส่วนใหญ่ของโลก รวมถึงการค้าถ่านหิน น้ำมันดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างจีนและกลุ่มอาเซียนพุ่งขึ้นเกือบ 20 เท่า แตะที่ 1.79 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2536
ราซีน แซลลี ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศแห่งยุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ กล่าวว่า "โอบามาไม่ใช่ประธานาธิบดีที่มีหัวในด้านการเปิดเสรีการค้า และเขาก็ไม่ใช่นักนิยมการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศตนเองแบบหัวรุนแรง เขาเป็นประธานาธิบดีที่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในเรื่องการค้า"
บลูมเบิร์กรายงานว่า โอบามาใช้โอกาสในการเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในวงกว้างกับเอเชีย รวมถึงกลุ่มเจ้าหนี้และกลุ่มผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศและเพื่อสกัดกั้นอัตราว่างงานซึ่งในขณะนี้ยืนอยู่ที่ระดับ 10.2% นอกจากนี้ โอบามายังต้องตอบคำถามจากกลุ่มเอเปคในกรณีที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ายางรถยนต์และเหล็กจากจีน
ก่อนหน้านี้ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียกร้องให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ รักษาคำมั่นสัญญาเรื่องการเปิดเสรีทางการค้าเช่นเดียวกับที่จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเคยให้ไว้ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคเมื่อปีที่แล้ว