รัฐมนตรีจีนคาดภาคอุตสาหกรรมในประเทศขยายตัวอีก 16% ในเดือนพ.ย.และธ.ค.

ข่าวต่างประเทศ Monday November 16, 2009 09:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายหลี่ หยี่จง รมว.อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนคาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศประจำเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.จะพุ่งขึ้น 16%ต่อปี และคาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมตลอดปี 2552 จะขยาตัวประมาณ 10.5%

ทั้งนี้ นายหลี่กล่าวในที่ประชุม CEO ระหว่างประเทศซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วันที่ปักกิ่งว่า การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมจีนจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทางการจีนเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวตามเป้าหมาย 8% ในปีนี้ อีกทั้งจะกระตุ้นตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย

"ภาคอุตสาหกรรมของจีนเริ่มมีเสถียรภาพและขยายตัวขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ โดยล่าสุดในเดือนต.ค.ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 16.1% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 1 ปี และเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน ภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวในลักษณะ V-shape เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยให้ผลกำไรของกลุ่มผู้ผลิตและยอดสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว" นายหลี่กล่าวในที่ประชุม

นอกจากนี้ นายหลี่กล่าวว่ารัฐบาลจีนจะยังคงดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและปรับเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการนวัตกรรมใหม่ๆและการยกระดับทางเทคโนโลยี รวมทั้งสนับสนุนโครงการประหยัดพลังงานและลดการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจก

ไบรอัน แจ๊คสัน นักวิเคราะห์จากรอยัล แบงค์ ออฟ แคนาดา ในฮ่องกง กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดความกังวลว่าราคาผู้บริโภคและราคาสินค้าจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในปีหน้า ซึ่งจะกดดันให้รัฐบาลจีนชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอาจทำให้หลายประเทศเรียกร้องให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน ซึ่งที่ผ่านมาจีนได้ชะลอการปรับขึ้นค่าเงินหยวนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมส่งออกภายในประเทศ

"จีนจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินโดยด่วนเพราะเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นจะส่งผลให้ดีมานด์จากต่างประเทศพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง หากจีนยังประวิงเวลาการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินก็จะทำให้จีนเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ด้านสินค้าทรัพย์" แจ๊คสันกล่าว บลูมเบิร์กรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ