นายโดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในวันนี้ว่า เขายังคงสนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก พร้อมกับเรียกร้องให้จีนปรับเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น โดยการเรียกร้องของผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างที่เขาและประธานาธิบดีบารัค โอบามา เดินทางเยือนประเทศจีน
"เงินหยวนที่แข็งค่าถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจที่จำเป็นของจีน เราเชื่อว่าในระยะกลางนี้ความวิตกกังวลเรื่องความอ่อนแอของสกุลเงินดอลลาร์จะลดน้อยลงเมื่อทางการสหรัฐเดินเครื่องใช้นโยบายปรับค่าเงินให้แข็งค่า" สเตราส์-คาห์นกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงปักกิ่งในวันนี้
สเตราส์-คาห์นยังกล่าวด้วยว่า ระบบการเงินระหว่างประเทศยังคงมีประสิทธิภาพและบ่งชี้ว่าได้ฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์การเงินแล้ว อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะสถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้ให้กับประเทศที่ไม่มีทางออก
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.5% ในปีนี้ และ 9% ในปีหน้า พร้อมกับกล่าวว่ารัฐบาลจีนจำเป็นต้องชะลออัตราการขยายตัวของเงินกู้ เพราะที่ผ่านมาจีนมีอัตราการปล่อยกู้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้จีนเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะมีการลงทุนมากเกินไป และเสี่ยงที่จะเผชิญกับอัตราเงินกู้หนี้สูญในปริมาณมาก
ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟยืนยันว่าดอลลาร์สหรัฐมีศักยภาพสูงพอที่จะเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองของโลก หลังจากนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้ทั่วโลกใช้สกุลเงินอื่นแทนดอลลาร์ โดยนายหลิว หมิงกัง ผู้อำนวยการฝ่ายกำหนดนโยบายด้านการธนาคารของจีนกล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสของสหรัฐส่งผลให้ราคาหุ้นและรคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งทำให้กระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
บลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโอบามาเดินทางเยือนเซี่ยงไฮ้เป็นแห่งแรกในวันนี้ หลังจากข้อเรียกร้องเรื่องการขึ้นค่าเงินหยวนของเขาถูกปฏิเสธจากกลุ่มผู้นำในที่ประชุมเอเปคที่สิงคโปร์เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ โอบามายังถูกนายมาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกวิภากษ์วิจารณ์ว่า ท่าทีของโอบามาบนเวทีเอเปคสะท้อนถึงอิทธิพลที่อ่อนแอลงอย่างรวดเร็วของสหรัฐ และท่าทีของโอบามายังบ่งชี้ว่าเขาอ่อนหัดในประเด็นการค้า