World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552

ข่าวต่างประเทศ Monday November 16, 2009 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในช่วงเช้าวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น ขยายตัวในอัตรา 4.8%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี

-- กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 5.7% แตะ 7.1 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากระดับปีที่แล้ว เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งขึ้น

-- บริษัท ฮิตาชิ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรายใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นเมื่อพิจารณาจากรายได้ เตรียมระดมทุนกว่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพ เพื่อเสริมฐานเงินทุนหลังจากบริษัทขาดทุนหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว

-- การประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านอาหารโลกได้เปิดฉากขึ้นแล้วที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีในวันนี้ ขณะที่องค์ด้านการให้ความช่วยเหลือสากลต่างมองว่า การประชุมครั้งนี้อาจจะเป็นการประชุมที่เสียเวลาเปล่า เนื่องจากที่ประชุมไม่สามารถผูกมัดประเทศผู้บริจาคให้บริจาคเงินมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อยุติภาวะอดอยากที่เกิดขึ้นทั่วโลกทางด้าน นายฌากส์ ดิยูฟ ผู้อำนวยการองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ก็ได้อดอาหารประท้วง 24 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ เพราะต้องการให้ผู้เข้าร่วมประชุมเล็งเห็นถึงปัญหาการขาดโภชนาการที่เรื้อรังมานานทั่วโลก

-- เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชีย เตือนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟดกำลังส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในรูปการทำอาร์บิทราจสกุลเงินดอลลาร์ และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อด้านสินทรัพย์ ซึ่งผลที่ตามมาคือการขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

-- เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ เตรียมจ่ายเงิน 6.7 พันล้านดอลลาร์คืนให้รัฐบาลสหรัฐเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 5 ปี

-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ เปิดเผยในการพบปะกับเยาวชนจีนที่เซี่ยงไฮ้ระหว่างการเดินทางเยือนจีนวันนี้ว่า สหรัฐจะยังคงสนับสนุนนโยบายจีนเดียวอย่างเต็มที่ต่อไป และยินดีที่ความสัมพันธ์ในคาบสมุทรนั้นดีขึ้น โดยสหรัฐหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันปรับตัวดีขึ้นมาก ซึ่งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจะมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดลงได้มาก

-- บริสตอล-ไมเยอร์ สควิบบ์ เผยจะยกเลิกการถือหุ้น 83% ในบริษัทมี้ด จอห์นสัน นิวทริชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตนมผงเด็กทารกยี่ห้อเอนฟามิล เพื่อพุ่งเป้าไปที่การพัฒนายาที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพแบบใหม่มากขึ้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริสตอล-ไมเยอร์ จะได้รับหุ้นของมี้ดจอห์นสันมูลค่า 1.11 ดอลลาร์ ต่อหุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ที่มีการเสนอขายที่ 1.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น

-- บริษัท แคนนอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานรายใหญ่ของโลก ตกลงซื้อกิจการบริษัท โอเซ่ (Oce NV) ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์รายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ เป็นเงินสดมูลค่า 730 ล้านยูโร หรือ 1.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายกิจการเครื่องพิมพ์ของแคนนอน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ