"อนุสรณ์"คาดศก.ไทยปี 53 ขยายตัว 2-3%จากแรงขับเคลื่อนภาคส่งออก-การลงทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 16, 2009 18:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปี 52 คาดว่าจะหดตัวที่ 1.1-1.2% น้อยลงจากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 1.6% โดยเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในลักษณะ V Shape และเศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ปี 53 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาขยายตัวประมาณ 3.0-3.2%

ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 53 คาดว่าจะขยายตัว 2-3% กระเตื้องขึ้นจากภาคส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน แต่ยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ น้ำมันและดอกเบี้ย เงินบาทผันผวนหนัก โดยความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยต่อไป

"นโยบายเศรษฐกิจของรัฐส่วนใหญ่เน้นสวัสดิการประชานิยม จึงทำให้ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจบรรเทาลงบ้าง ส่วนขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวยังไม่มีความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก"นายอนุสรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ประเมินว่าการลงทุนภาคเอกชนจะปรับตัวดีขึ้นในปี 53 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.7% เทียบกับปี 52 ที่ติดลบประมาณ 16% ส่วนการบริโภคภาคเอกชนจะค่อยๆดีขึ้นจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติ โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.7% ส่วนระดับการเป็นหนี้ของภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้

ขณะที่อัตราการขยายตัวของปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 4.7% โดยการส่งออกในรูปดอลลาร์เพิ่มขึ้น 9.1% จากปี 52 ที่ติดลบเกือบ 20% อัตราการเติบโตของปริมาณการนำเข้าอยู่ที่ 10.5% การนำเข้าในรูปดอลลาร์เพิ่มขึ้น 16.9% ดุลการค้ายังคงเกินดุลต่อเนื่องจากปี 52

"เศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกปี 53 ขยายตัวเป็นบวกอย่างก้าวกระโดด โดยไตรมาสแรกอาจขยายตัวสูงถึง 4.0-4.5% แต่ครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากแรงกดดันดอกเบี้ยสูงและข้อจำกัดของมาตรการการคลัง ประเทศคู่ค้าชะลอตัว ทำให้อัตราการขยายทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังชะลอลงมาอยู่ที่ระดับ 2-2.5%" นายอนุสรณ์ กล่าว

สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยปี 53 มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้ถึง 0.5-1.0% สภาพคล่องในระบบจะถูกดูดซับด้วยการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน แรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงทำให้สภาพคล่องในระบบลดลงและดันอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นด้วย

ค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 1/53 มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย และ การเกินดุลการค้า มีโอกาสแข็งค่าถึงระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ แต่การเคลื่อนไหวของเงินบาทจะมีความผันผวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลท้องถิ่นในกลุ่มอาเซียนค่าเงินบาท และปี 53 เงินบาทจะผันผวนด้วยเหตุปัจจัยต่างๆทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองภายใน โดยมีช่วงการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31-36 บาท/ดอลลาร์

ส่วนทิศทางราคาน้ำมันมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นและมีโอกาสแตะระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงไตรมาส 2/53 โดยเป็นผลมาจากการเก็งกำไรเป็นปัจจัยหลัก การทรงตัวของน้ำมันในระดับ 100-120 ดอลลาร์/บาร์เรลจะไม่อยู่นาน เนื่องจากไม่มีปัจจัยทางด้านอุปสงค์อุปทานรองรับ ค่าเฉลี่ยของราคาน้ำมันจึงอยู่ที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและภาคการผลิตที่เริ่มกระเตื้องขึ้นชะลอตัวลง

สำหรับ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรก สามารถขึ้นไปถึงระดับ 850 จุดได้ โดย Sector ที่น่าลงทุน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหารส่งออก กลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นและกำไรจากสต๊อคน้ำมัน กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จาก Mega Projects ของรัฐบาล กลุ่มสถาบันการเงิน ที่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ก.กู้เงินของกระทรวงการคลัง โดยนักลงทุน ต้องประเมินผลกระทบการดำเนินตามกรอบประชาคมอาเซียน 2015 ว่า การลดภาษีนำเข้าจะส่งผลบวกผลลบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆในตลาดหลักทรัพย์อย่างไร

คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ยังเสนอแนะนโยบายต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจว่า ควรจะเป็นมาตรการที่เน้นแก้ไขพื้นฐานทางเศรษฐกิจทั้งระยะกลางและระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เนื่องจาก ผลกระทบระยะสั้นจากวิกฤติการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายไปบ้างแล้ว

สิ่งที่จะมีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ คือ ความไม่มีเสถียรภาพของระบบการเมือง ความรุนแรงทางการเมืองและทัศนคติที่ไม่สมานฉันท์และไม่ปรองดองกันของกลุ่มชนชั้นนำในชาติ สามารถแก้ไขได้โดยผลักดันให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดขึ้นทั้งประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจและการเมือง ต้องมีการปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่างๆที่จะนำมาสู่ความขัดแย้งและสภาพอนาธิปไตยอีกรอบหนึ่ง การปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้านจะเป็นทางรอดของประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ