ธนาคารรายใหญ่ของจีนกำลังแข่งขันเพื่อที่จะเปิดสาขาในไต้หวัน หลังจากที่จีนและไต้หวันมีความเห็นชอบร่วมกันเพื่อที่จะขยายขอบเขตในการเข้าถึงธุรกิจไฟแนนเชียลซึ่งกันและกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า แบงค์ออฟไชน่า ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของจีน จะเดินเรื่องขอเปิดสาขาในทันทีเมื่อบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ที่ได้มีการลงนามระหว่างจีนและไต้หวันมีผลบังคับใช้ ขณะที่ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า หรือไอซีบีซี ก็สนใจที่จะลงทุนในไต้หวัน และต้องการขยายกิจการในไต้หวันด้วยเช่นกัน
หน่วยงานด้านกำกับดูแลของจีนและไต้หวันได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน 3 ฉบับเมื่อวานนี้ เพื่อผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนในธนาคาร โบรกเกอร์ และบริษัทประกันในไต้หวัน ซึ่งถือเป็นการปูทางให้มีการทำข้อตกลงในขอบเขตที่กว้างขวางกว่าเดิมในด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนและไต้หวัน
แดเนียล โรสเซน ผู้บริหารของโรเดียม กรุ๊ป กล่าวว่า จีนและไต้หวันกำลังเดินหน้าเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ นับเป็นข้อตกลงครั้งใหญ่ในด้านการเมือง และเมื่อมองในด้านเศรษฐกิจแล้ว การทำข้อตกลงร่วมกันดังกล่าวจะทำให้ไต้หวันเป็นฝ่ายเสียมากกว่าได้
ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน แบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ และไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงค์ เคยออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะเริ่มดำเนินธุรกิจในไต้หวันเมื่อมีการอนุญาตจากทางการ
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีหม่า อิงจิว ได้ขึ้นมาทำหน้าที่เมื่อเดือนพ.ค. 2551 ซึ่งความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นกับจีนอาจจะช่วยให้นายหม่าสามารถเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่หดตัวลงถึง 7.5% ในไตรมาส 2 ได้