เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปีทำให้ราคาสินค้าและบริการลดลง ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสะดุดเล็กน้อย โดยดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งมาตรวัดระดับราคาที่ไม่นับรวมถึงต้นทุนของการนำเข้า ร่วง 2.6% ในไตรมาส 3 จากระดับปีที่แล้ว ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ พุ่งขึ้น 4.8% นับเป็นสถิติที่ขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2550
ราคาผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการดีดตัวขึ้นของกำไรเอกชน รายงานดังกล่าวทำให้นาโอโตะ คาน รองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นออกมาระบุว่า รัฐบาลอาจจะร่างงบประมาณการใช้จ่ายฉุกเฉินอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ พร้อมกับย้ำว่า ตนเองเป็นห่วงว่าญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด
จุงโกะ นิชิโอกะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอาร์บีเอส ซิเคียวริตีส์ เจแปน กล่าวว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวในลักษณะนี้ไม่ใช่การขยายตัวแบบยั่งยืน และรัฐบาลเองก็รู้ดีว่าทำไมจึงมีการพูดถึงเรื่องปัจจัยวัดทางสถิติกับจีดีพี ส่วนในแง่ของการเมืองนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 4.8% ถือเป็นเรื่องบวกสำหรับพรรคเดโมแครต แต่รัฐบาลไม่ได้มองว่าเป็นเหตุผลสำหรับการยกเลิกนโยบายทางเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า รองนายกฯญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลควรจะประสานงานร่วมกับธนาคารกลางญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับราคาผู้บริโภคที่ร่วงลง และธนาคารกลางญี่ปุ่นได้คงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับศูนย์ไว้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ราคาผู้บริโภคในญี่ปุ่นร่วงลงติดต่อกันมา 7 เดือนแล้ว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดในช่วงหลังสงครา โดยภาวะเงินฝืดอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วยการทำให้บริษัทและผู้บริโภคชะลอการซื้อ เพราะคาดการณ์กันว่า ราคาสินค้าจะปรับตัวลงมากกว่านี้