นายฟาน กัง ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนได้ออกมาสดงความวิตกกังวลว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในระดับตัวเลขสองหลักนั้นจะไม่เป็นผลดีกับจีนเท่าไรนัก และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนอาจจะขยายตัวขึ้น 8-9% ในปีหน้า
นายฟานซึ่งเป็นผู้บริหารของสถาบันการวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติด้วยนั้น ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่ได้ออกมาแสดงความกังวลว่าต้นตอที่จะก่อให้เกิดวิกฤตการเงินครั้งใหม่อาจจะแพร่กระจายไปในเอเชียแล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกได้อัดฉีดสภาพคล่อง โดยรัฐบาลจีนเองก็ส่งเสริมด้านการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ไปในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ทำให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดีดตัวขึ้นมาแล้ว 81%
บลูมเบิร์กรายงานว่า มาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นเองกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจจะขยายตัวอย่างร้อนแรงเกินไปและอาจจะเผชิญกับภาวะผันผวนทางการเงิน ขณะที่หลิว หมิงกัง เจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านการธนาคารของจีน กล่าวก่อนที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะอยู่ในระดับต่ำและเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงว่า มีความเสี่ยงใหม่ๆที่อาจจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นแล้ว
ด้านนายโรเบิร์ต โซลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เมื่อพิจารณาจากจังหวะของการฟื้นตัวในเอเชียตะวันออก คุณอาจจะเริ่มเห็นเค้าลางของภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ในระดับหนึ่ง ซึ่งเราจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย และใช้มาตรการต่างๆเพื่อควบคุมสินเชื่อ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 8.9% ในไตรมาส 3 จากระดับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิตและการปล่อยสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์ช่วยดึงเศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากภาวะถดถอย