เอียน เฮนเดอร์สัน นักวิเคราะห์จากบริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ริโอ ทินโต กรุ๊ป ไม่ได้ต้องเร่งรัดที่จะสรุปข้อตกลงร่วมทุนกับบีเอชพี บิลลิตันในเวลา 5 เดือน ขณะที่โฆษกของริโอในกรุงลอนดอนปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว
ข้อตกลงครั้งนี้นับเป็นความพยายามครั้งที่สองที่บีเอชพีและริโอต้องการรวมสินทรัพย์ที่แคว้นพิลบารา ในเวสต์เทิร์นออสเตรเลีย หลังจากที่ริโอปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบีเอชพีในปีที่แล้ว ก่อนที่ทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงร่วมทุนกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งริโอ และบีเอชพี คาดว่าข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรเทาภาระหนี้สิน และประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
เฮนเดอร์สันกล่าวว่า ริโอได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดมาแล้ว ดังนั้นความจำเป็นเกี่ยวกับการปิดข้อตกลงร่วมทุนจึงไม่สลักสำคัญมากนัก ซึ่งการทำข้อตกลงร่วมทุนจะช่วยลดระดับการแข่งขันและกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเหมือง โดยริโอ และบีเอชพี เป็นผู้ผลิตสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของโลกตามลำดับ รองจากบริษัทวาเล เอสเอ ของบราซิล
ทั้งนี้ บีเอชพีได้ยกเลิกข้อเสนอซื้อกิจการของริโอ โดยอ้างถึงภาระหนี้สินในบริษัทดังกล่าว รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ และข้อจำกัดด้านการกำกับดูแล ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้แสดงความกังวลต่อข้อเสนอดังกล่าวที่จะเปิดทางให้บีเอชพีมีสิทธิ์ครอบครองแหล่งสินแร่เหล็กได้กว่า 2 ใน 3 ของจำนวนเหล็กที่ส่งออก
ขณะเดียวกัน ริโอได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทอลูมิเนียม คอร์ป ออฟ ไชน่า (ไชนาลโค) ของจีนมูลค่า 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์และหันไประดมทุนผ่านการขายหุ้น 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงทำข้อตกลงร่วมทุนในอุตสาหกรรมสินแร่เหล็ก