นักวิเคราะห์คาดอัตราการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนต.ค.ขยายตัว 1.7%

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 18, 2009 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนต.ค.มีแนวโน้มขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 เดือน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายระยะยาวที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำหนดไว้

นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 1.7% แตะที่ 600,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 นอกจากนี้ อัตราการอนุญาตก่อสร้างยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 0.9% แตะที่ 580,000 ยูนิตต่อปี ขณะเดียวกันก็คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ที่ไต่ระดับขึ้น 0.2% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

นโยบายลดหย่อนภาษี ประกอบกับสถานการณ์ราคาบ้านที่ลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำอาจช่วยกระตุ้นยอดขายบ้านและยอดการก่อสร้างบ้านในไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีส่วนสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำอาจทำให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อสร้างรากฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเพื่อควบคุมตัวเลขว่างงาน

ไมเคิล โมราน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Daiwa Securities America Inc. ในนิวยอร์กกล่าวว่า "ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว แต่ปัญหายังอยู่ที่ตลาดแรงงานซึ่งยังซบเซาและอาจฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้"

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวในภาคธุรกิจก่อสร้างอาจขยายตัวดีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐและสภาคองเกรสได้ขยายโครงการลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 8,000 ดอลลาร์ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรกออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.ปีหน้า จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 30 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดรายงานยอดการก่อสร้างบ้านในเวลา 8:30 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตันและในเวลาเดียวกัน กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะกระเตื้องขึ้น 0.1% หลังจากที่ขยายตัว 0.2% ในเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ