สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,141.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,136-1,153.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.415 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.1355 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,452.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 10.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 374.15 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.15 ดอลลาร์
เจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จากธนาคาร HSBC ในนิวยอร์กกล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงและดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรัฐได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะมีธนาคารกลางอีกหลายประเทศที่เข้าซื้อทองคำ หลังจากธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟในปริมาณ 200 เมตริคตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 เมตริกตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ถือครองทองคำที่ระดับ 1,113.833 ตัน ณ วันที่ 17 พ.ย. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 13 พ.ย.