ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้ในวันนี้ ตามกำหนดการณ์เดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย 4 ประเทศ ซึ่งเกาหลีใต้จะเป็นทริปสุดท้ายก่อนที่ผู้นำสหรัฐจะเดินทางกลับประเทศ ขณะที่หลายฝ่ายจับตาว่า การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ สหรัฐจะสามารถทำให้เอเชียมองว่า เขาไม่เห็นด้วยกับลัทธิการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองหรือไม่ หลังจากที่ธุรกิจยานยนต์ของสหรัฐไม่เห็นด้วยกับการทำข้อตกลงการค้าเสรี
ประเด็นสำคัญที่มีการจับตาคือ ข้อตกลงการค้าที่ได้มีการลงนามไปเมื่อปี 2550 ซึ่งข้อตกลงนี้ทางสภาคองเกรสได้เรียกร้องให้ค่ายรถของสหรัฐ อาทิ ไครสเลอร์ ฟอร์ด และเจนเนอรัล มอเตอร์ส จะสามารถเข้าถึงตลาดรถในเกาหลีใต้ได้มากกว่าเดิมหรือไม่ ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้เองก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งการประนีประนอมออกมาแต่อย่างใด
บลูมเบิร์กรายงานว่า หอการค้าสหรัฐได้ประเมินว่า ความล้มเหลวในการออกกฎหมายนั้นหมายความถึงการสูญโอกาสในการส่งออกมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และอัตราจ้างงาน 345,000 ตำแหน่ง โดยเกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงกับสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งมีการเรียกร้องให้การค้าของ 2 ฝ่ายในสัดส่วนถึง 99% ลปอดจากภาษีเป็นเวลา 5 ปี
แกรี ฮุฟเบอร์ เจ้าหน้าที่ของสถาบันเศรษฐกิจสากลของปีเตอร์สัน กล่าวว่า ตอนนี้เรากำลังดูกันอยู่ว่า สหรัฐจะทำอย่างไร ซึ่งประธานาธิบดีอาจจะประสบความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งก็ได้
ค่ายรถสหรัฐได้จำหน่ายรถในเกาหลีใต้ 6,980 คันเมื่อปีที่แล้ว หรือ 0.72% ของตลาดรถโดยสารโดยรวม ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ไม่นับรวมจำนวนรถของแดวูที่จีเอ็มเป็นเจ้าของกิจการ
ขณะที่ฮุนได มอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถรายใหญ่สุดของเกาหลีใต้นั้นมียอดขายเกือบถึงครึ่งหนึ่ง โดยฮุนไดสามารถทำยอดขายในสหรัฐจนถึงเดือนต.ค.ได้มากขึ้น 4.1% จำนวน 373,222 คัน