นายโรนัลด์ อาร์คุลลี ประธานบริษัท ฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ แอนด์ เคลียริ่ง จำกัด (Hong Kong Exchanges & Clearing Ltd.) ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย กล่าวแสดงความคิดเห็นทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า ภูมิภาคเอเชียอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่ที่รุนแรงขึ้นเนื่องจากราคาหุ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
การแสดงความคิดเห็นของนายอาร์คุลลีเป็นการตอบสนองความคิดเห็นของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ว่า ราคาสินทรัพย์ในสหรัฐไม่สูงพอที่จะก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่
"การที่เบอร์นันเก้เชื่อว่าจะไม่เกิดภาวะฟองสบู่ก็เพราะเบอร์นันเก้มองในจุดที่ตนเองอยู่ แต่ในเอเชีย เราเห็นหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่" อาร์คุลลีกล่าว
นายอาร์คุลลีคาดการณ์ว่า "ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า จีดีพีในเอเชียจะขยายตัวขึ้น แต่เอเชียจะเผชิญกับความท้าทายที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวขึ้น หลายประเทศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่พร้อมเช่นนี้ จะเกิดผลกระทบตามมาอีกมากมาย"
นอกจากนี้ นายอาร์คุลลีกล่าวว่า "แม้การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้น ChiNext ของจีนอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกง แต่ตลาดหุ้น ChiNext อาจเคลื่อนตัวหวือหวาเกินจริงและไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ทางการจีนอาจพอใจกับการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว แต่หากปล่อยให้ตลาด ChiNext เคลื่อนตัวในลักษณะนี้ต่อไปจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้"
บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายโรเบิร์ต โซเอลลิก ประธานธนาคารโลกเตือนว่าเอเชียอาจเผชิญภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ และแนะนำว่าผู้ว่าการธนาคารกลางในเอเชียจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องมาตรการในการควบคุมด้านการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียกำลังฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางสภาพคล่องที่หนาแน่น