กาตาร์ ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล ในเครือของบริษัทน้ำมันของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วางแผนสร้างโรงงานปิโตรเคมี 2 แห่งมูลค่าประมาณ 9.8 พันล้านดอลลาร์ในจีนและเวียดนาม ภายในปี 2558 เพื่อดึงดูดดีมานด์จากภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในโลก
แนสเซอร์ อัล-ไจดาห์ ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า กาตาร์จะจับมือกับบริษัท ซีนูค และบริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมีของจีน เพื่อสร้างโรงงานมูลค่า 5.8 พันล้านดอลลาร์ที่มณฑลไหหนาน ส่วนโครงการที่เวียดนามจะมีมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานทั้ง 2 แห่งจะใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพื่อผลิตสารเคมี
"เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะจีน เหมือนกับเราสามารถยิงนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือ ทั้งเข้ามาทำตลาดและส่งออกสินค้าของเรา" ซีอีโอกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ประเทศในตะวันออกกลางกำลังหาทางลงทุนในเอเชีย เพื่อหาตลาดใหม่ให้กับผลผลิตก๊าซแอลพีจีที่อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในปี 2553 จำนวน 12 ล้านเมตริคตัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กาตาร์ ปิโตรเลียม อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นในบริษัทปิโตรเคมี 2 แห่งของรอยัล ดัทช์ เชลล์ในสิงคโปร์ และในเดือนนี้บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ ได้ตกลงที่จะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวของกาตาร์อีก 3 ล้านตันต่อปี
โทนี่ เรแกน ที่ปรึกษาของไทร-เซน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ความต้องการด้านพลังงานของเอเชียอาจจะขยายตัวอย่างรวดเร็วเท่ากับยุโรปหรือสหรัฐ ดังนั้น กาตาร์จึงสนใจที่อยากจะเข้ามาในตลาดที่มีการขยายตัวรวดเร็วแห่งนี้
ซีอีโอของกาตาร์ ปิโตรเลียม กล่าวว่า โรงงานที่ไหหนานนั้นจะมีกำลังการผลิตก๊าซแอลพีจีประมาณ 3.8 ล้านตันต่อปี และอาจจะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า