ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวส่งผลให้ฐานะการคลังเดือน ต.ค.ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2553 มีฐานะเข้มแข็ง เนื่องจากดุลเงินงบประมาณเกินดุลจากรายได้ที่จัดเก็บเพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุลสอดคล้องกับแผนบริหารเงินสดของรัฐบาล
"การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงจากผลของการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา"นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการ สศค.กล่าว
ดุลเงินงบประมาณยังคงเกินดุลอยู่ที่ 21,026 ล้านบาท เนื่องจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณยังไม่เต็มที่ในเดือนนี้ เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีการเบิกจ่ายเฉพาะรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนที่ได้ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วเท่านั้น
ในแง่ของดุลเงินสดแล้ว รัฐบาลขาดดุลเงินสด 11,309 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแผนบริหารเงินสดของรัฐบาล โดยผ่านการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน ต.ค.52 มีจำนวนทั้งสิ้น 282,526 ล้านบาท
"รัฐบาลจะทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในภาวะที่ภาคเอกชนชะลอการลงทุนนั้น หน่วยงานราชการต่างๆ จะได้มีการเร่งเบิกจ่ายในเดือนต่อๆ ไปทันทีหลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้แล้ว" นายสาธิต กล่าว