นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากดิ่งลง 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวต่อไปได้แม้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% แล้วก็ตาม
นีล ซอส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเครดิตสวิสในนิวยอร์กกล่าวว่า "ผู้บริโภคสหรัฐมีกำลังซื้อสินค้ามากถึง รวมถึงการซื้อรถยนต์ นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้นโยบายนำรถยนต์เก่าแลกรถใหม่ แม้อัตราว่างงานในสหรัฐมีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 10% ไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้าก็ตาม อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ด้านแรงงานยังไม่ฟื้นตัวขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคและภาคครัวเรือนจะลดการใช้จ่ายเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้อาจจำกัดการขยายตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค"
ออโต้ ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็กประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 838,000 คัน เพิ่มขึ้น 12% จากเดือนก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และยังบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วย แกรี่ ดิลท์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการด้านอุตสาหกรรมยานยนต์โลกของเจดี เพาเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์เดือนต.ค.ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากโครงการนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่"
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนต.ค.ร่วงลง 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 175,000 ตำแหน่ง แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ที่ร่วงลง 219,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง