นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ไตรมาส 3/52 ติดลบ 2.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเป็นบวก 1.3% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า
สภาพัฒน์ มองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยจีดีพีเทียบปีต่อปีติดลบน้อยลง หลังจากจีดีพีเติบโตไตรมาสต่อไตรมาส มาสอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน และยังคาดว่าไตรมาส 4/52 จีดีพีจะฟื้นมาขยายตัวเป็นบวกที่ 2.7-3.2% ทำให้คาดว่าทั้งปี 52 จีดีพีอาจะติดลบน้อยกว่า 3% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะติดลบ 3.0-3.5%
จากนั้นในปี 53 คาดว่าจีดีพีน่าจะขยายตัวได้ 3.-4% โดยแรงขับเคลื่อนหลักยังมาจากการลงทุนภาครัฐภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง
"ทั้งปี 52 เราคาดว่าจะติดลบ ประมาณ 3% ซึ่งถือว่าน้อยลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ต้นปีว่าจะติดลบ 4% แต่ทั้งนี้จีดีพี ปี 52 ยังมีโอกาสที่จะติดลบน้อยกว่า 3% ได้ ถ้าการส่งออกและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายอำพน กล่าว
นายอำพน กล่าวว่า เครื่องชี้สำคัญที่แสดงเห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงหลังปี 52 และในปี 53 มาจาก 5 ปัจจัยหลัก อัตราการใช้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 64.7% ในเดือน ก.ย. ,จำนวนผู้ว่างงานลดลงต่อเนื่อง เหลือ 458,000 คนในเดือน ก.ย. จาก 878,000 คนในเดือน ม.ค.52 , การท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นชัดเจนในไตรมาส 4/52, การส่งออกเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยเดือน ต.ค.52 การส่งออก ติดลบเพียง 3% และ ราคาสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ เชื่อว่าไตรมาส 4/52 จีดีพีจะกลับมาขยายตัวเป็นบวก จากการปรับตัวดีขึ้นของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนภาครัฐ