นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ไตรมาส 3/52 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)แถลงวันนี้ว่าติดลบลดลงเหลือ 2.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/51 ถือว่าออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าทั้งปีจะติดลบไม่ถึง 3% รวมทั้ง หากไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ทำได้ดีกว่านี้ก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 3.5%
"ดีกว่าที่คาด ดีขึ้นตามระดับ โดยดีขึ้นกว่าไตรมาสสอง และมั่นใจว่าไตรมาสสุดท้ายจะเป็นบวก ทำให้ทั้งปี(52)ติดลบราว 3%" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวเลขการว่างงานดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยลดลงเหลือเพียง 4.5-4.6 แสนคน ซึ่งรัฐบาลพอใจกับภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และคาดว่าจีดีพีปี 53 จะขยายตัวที่ระดับ 3.0-3.5% แต่หากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ตัวเลขจีดดีพีขยายตัวดีขึ้นจะเป็นแรงหนุนให้จีดีพีปีหน้าขยายตัวได้มากกว่าที่คาด
ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามแรงส่งเสริมการลงทุนและการบริโภค ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังมีความกังวลเรื่องราคาน้ำมันซึ่งรัฐบาลจะใช้กลไกที่มีอยู่ดูแลช่วยเหลือ ส่วนเรื่องของอัตราเงินเฟ้อนั้นกระทรวงพาณิชย์ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและคิดว่าขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ขณะที่การแก้ไขปัญหามลพิษมาบตาพุดก็มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น