เออร์วิน ซานฟ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของจีนและฮ่องกงของบีเอ็นพี พาริบาส์ เปิดเผยว่า จีนกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แบบญี่ปุ่นในทศวรรษที่ 80 หากจีนยังคงใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงินและการคลังต่อไป เว้นเสียแต่ว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนสามารถคุมเข้มเงื่อนไขทางด้านสภาพคล่อง
จีนได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปล่อยสินเชื่อครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 5 ครั้งตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้ดีมานด์สินค้าส่งออกของประเทศหดตัวลง และเมื่อปี 2533 เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งการสูญเสียและแทบจะไม่มีการขยายตัว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ หลิว หมิงกัง คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านภาวะฟองสบู่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์
ยอดการปล่อยสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ทำให้ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ดีดขึ้นถึง 83% ในปีนี้ ขณะที่ราคาบ้านในเมืองใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สตีเฟน โร้ช ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า จีนอาจจะต้องลงมือดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้การปล่อยกู้มากเกินไปจนต้องเข้าสู่ภาวะฟองสบู่