ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนต.ค. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการลดหย่อนภาษีที่ช่วยดึงดูดผู้ซื้อบ้านหลังแรก
นักวิเคราะห์ 60 รายที่ทำการสำรวจโดยโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้น 2.3% แตะที่ 5.7 ล้านยูนิตต่อปี จากระดับ 5.57 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นการขยายตัวครั้งที่ 6 ในรอบ 7 เดือน
ราคาบ้านที่ถูกลง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยนโยบายลดหย่อนภาษี 8,000 พันดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.จากก่อนหน้านี้ที่จะครบกำหนดหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้มากหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขจ้างงานและอัตราการยึดบ้านหลุดจำนอง
"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ" ไมเคิล โมแรน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ไดวา ซีเคียวริตี้ อเมริกา อิงค์ในนิวยอร์กกล่าว "จำนวนบ้านค้างสต็อกเริ่มลดน้อยลง เพราะยอดขายกระเตื้องขึ้น อย่างไรก็ตามยอดขายอาจไม่พุ่งขึ้นมากมายนัก แต่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวได้"
ทั้งนี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดรายงานยอดขายบ้านมือสองในเวลา 10:00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่ในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะขยายตัวขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค.แตะที่ระดับ 405,000 ยูนิต