พล.อ.อ.สมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด(บวท.) ยืนยันว่า บริษัทจะไม่ปรับขึ้นค่าบริการการเดินอากาศในปีหน้า แม้อัตราค่าบริการในปัจจุบันที่เรียกเก็บจากสายการบินจะต่ำกว่าต้นทุนจริงก็ตาม เนื่องจากเข้าใจสถานการณ์ของสายการบินที่ต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาน้ำมันผันผวน ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ส่งผลให้ปริมาณการเดินทางลดลง ขณะที่ประเทศไทยยังมีปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายถึง 530 ล้านบาท
แม้บริษัทฯจะพยายามลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 169 ล้านบาท แต่การเป็นหน่วยงานที่ให้บริการแบบไม่แสวงหากำไรที่จะเรียกเก็บค่าบริการให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายตามพันธะสัญญาที่มีต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) และตามข้อตกลงกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งปัจจุบันบริษัทเรียกเก็บค่าบริการการเดินอากาศต่ำกว่าต้นทุนจริง โดยเรียกเก็บค่าบริการการเดินอากาศในอัตรา 10,000 บาทต่อหน่วยบิน ตามอัตราที่คณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.)ให้ความเห็นชอบ ทั้งที่ต้นทุนค่าบริการจริงอยู่ที่ 11,190 บาทต่อหน่วยบิน
"เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ประชุมกับสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศหรือไออาต้า เพื่อให้ผู้ใช้บริการรับทราบข้อมูลต่างๆ รวมทั้งข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไข ให้สายการบินและผู้ใช้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุด และได้ข้อสรุปว่าในปี 53 บริษัทจะยังคงค่าบริการในอัตราเดิม เพราะสายการบินยังอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่ผันผวน" พล.อ.อ.สมชาย ระบุ
ทั้งนี้ เชื่อว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมบินในปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากสถิติของเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค.52 ขณะที่ไออาต้าคาดการณ์ว่าในปี 53 อัตราเติบโตของเที่ยวบินจะสูงขึ้น 8.5%
พล.อ.อ.สมชาย กล่าวว่า บริษัทฯ จะหาแนวทางช่วยลดค่าใช้จ่ายสายการบิน โดยจัดวงจรการบินขึ้น-ลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เกิดความสะดวกและคล่องตัว ซึ่งจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิงให้กับสายการบินได้ถึง 128 ล้านบาท/เดือน และในช่วงกลางปี53 จะนำเทคโนโลยีดาวเทียม(PBN) มาใช้นำร่องอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะช่วยให้สายการบินประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากขึ้น