ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเลือกกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)แทนตำแหน่งที่ว่างลง ได้แก่ นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร 82 คะแนน, พ.อ.นที ศุกลรัตน์ 117 คะแนน, นายบัณฑูร สุภัควณิช 83 คะแนน และ นายพนา ทองมีอาคม 109 คะแนน ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกทั้งหมดจะเข้ามาทำหน้าที่แทนกทช. ที่จับสลากออก 3 คน และลาออก 1 คน ซึ่งจะทำให้กทช. มีกรรมการครบ 7 คนหลังจากที่ต้องรักษาการมานานกว่า 1 ปี
ในช่วงแรกเป็นการประชุมโดยเปิดเผยเพื่อพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งมีการอภิปรายประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นเป็นการประชุมลับใช้เวลา 30 นาที ก่อนที่จะลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนนลับ โดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ ต้องได้ 76 เสียงขึ้นไป หากรอบแรกได้ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ให้ลงคะแนนลับรอบที่สองทันทีโดยต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเช่นกัน หากไม่ได้ ให้วุฒิสภาส่งชื่อกลับไปให้คณะกรรมการสรรหา สรรหาผู้สมควรเป็นกทช.มาใหม่
ทั้งนี้ การลงคะแนนลับรอบแรก ผลปรากฏว่า นายสุรนันท์ เลขาธิการกทช. ได้ 69 คะแนน และ พล.อ.ชูชาติ สุขสงวน ผู้เชี่ยวชาญกทช. ได้ 56 คะแนน งดออกเสียง 17 คะแนน ทำให้ต้องมีการลงคะแนนลับรอบสอง ผลปรากฏว่า นายสุรนันท์ ได้ 82 คะแนน พล.อ.ชูชาติ ได้ 42 งดออกเสียง 17 คะแนน ทำให้นายสุรนันท์ ได้รับเลือกเป็นกทช. ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นการตรวจสอบเอกสารอีกครั้ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภา จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือก กทช.แทนตำแหน่งที่ว่างกรณีกรรมการพ้นตำแหน่งโดยการจับสลาก 3 คน มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน คือ พ.อ.นที ศุกลรัตน์, นายธรรมนูญ จุลมณีโชติ, พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์, นายบัณฑูร สุภัควณิช, นายพนา ทองมีอาคม และ นางนรีวรรณ จินตกานนท์ เก่งเรียน โดยเป็นการประชุมลับใช้เวลา 45 นาที ก่อน ที่จะลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนนลับ
การลงคะแนนลับรอบแรก ผลปรากฏ พ.อ.นที ได้ 117 เสียง นายบัณฑูร ได้ 83 คะแนน นายพนา ได้ 75 คะแนน พล.ร.อ.สุรินทร์ ได้ 52 คะแนนนางนรีวรรณ ได้ 48 คะแนน นายธรรมนูญ ได้ 26 คะแนน ทำให้ รอบแรกถือว่า มี 2 คน ได้รับเลือกคือ พ.อ.นที และนายบัณฑูร
ส่วนการลงคะแนนรอบสองอีก 1 ตำแหน่ง ปรากฏว่า นายพนา ได้ 109 คะแนน พล.ร.อ.สุรินทร์ ได้ 19 คะแนน นายธรรมนูญ ได้ 4 คะแนน นางนรีวรรณ ได้ 2 คะแนน ทำให้นายพนาได้รับเลือกเป็น กทช. ขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นการตรวจสอบเอกสารของผู้ได้รับเลือกทั้งสามคนอีกครั้ง ก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป