สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 10.1% แตะระดับ 6.10 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2550 มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% และมากกว่าเดือนก.ย.ที่ระดับ 5.54 ล้านยูนิต/ปี
ไมเคิล โมแรน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ไดวา ซีเคียวริตี้ อเมริกา อิงค์ในนิวยอร์กกล่าว ราคาบ้านที่ถูกลง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยนโยบายลดหย่อนภาษี 8,000 พันดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.จากก่อนหน้านี้ที่จะครบกำหนดหมดอายุในสิ้นเดือนนี้นั้น ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญภาวะซบเซา
อย่างไรก็ตาม โมแรนกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้มากหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลขจ้างงานและอัตราการยึดบ้านหลุดจำนอง
บริษัท เรียลตี้แทรค อิงค์ ในแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า อัตราการยึดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐในเดือนต.ค.พุ่งเหนือระดับ 300,000 หลัง ทำสถิติทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูงทำให้เจ้าของบ้านต้องเผชิญปัญหาในการชำระหนี้ผ่อนบ้านมากขึ้น
ทั้งนี้ ยอดการยึดบ้านหลุดจำนองในเดือนต.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 332,292 หลัง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้านี้ โดยเรียลตี้แทรคระบุว่าบ้าน 1 หลังในทุกๆ 385 หลังจะได้รับเอกสารการยึดบ้าน