ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรน รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์อย่างหนัก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นและการพุ่งขึ้นของราคาทองและน้ำมันยังทำให้นักลงทุนลดความสนใจที่จะถือครองสกุลเงินดอลลาร์ แต่หันไปซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง รวมถึงดอลลาร์นิวซีแลนด์
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.67% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4959 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4860 ยูโร/ดอลลาร์ และรูดลง 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.990 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 88.910 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.76% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0100 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0177 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.59% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6606 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6508 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.92% แตะที่ 0.9238 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9154 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.17% แตะที่ 0.7327 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7242 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวแสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะคงโครงการซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับสินเชื่อจำนองต่อไป ทำให้นักลงทุนมองว่าเฟดจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรน รวมถึงคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดที่ 0-0.25% ไปอีกระยะหนึ่ง
การแสดงความคิดเห็นของนายบุลลาร์ถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่ยืนยันแน่ชัดถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟด โดยก่อนหน้านี้นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดให้คำมั่นสัญญาว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า แม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนมองว่า แม้การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นประโยชน์ต่อยอดขายสินค้าส่งออกของสหรัฐ เพราะจะช่วยให้สินค้าของสหรัฐมีราคาถูกลงในตลาดต่างประเทศนั้น แต่การที่ดอลลาร์ร่วงลงในระยะเวลาที่นานเกินไปอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับภาวะฟองสบู่และวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่และจะยิ่งทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์มากขึ้นในอนาคต
นอกเหนือจากการส่งสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟดแล้ว ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับแรงกดดันหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 10.1% แตะระดับ 6.10 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2550 มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% และมากกว่าเดือนก.ย.ที่ระดับ 5.54 ล้านยูนิต/ปี