World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 24, 2009 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางโคลัมเบียประกาศลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย

ผู้ว่าการธนาคารกลางโคลัมเบียและเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% ลงสู่ระดับ 3.5% หลังจากที่ได้ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยลงในครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักวิเคราะห์ที่คาดว่า ธนาคารจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

-- บริษัท ไชน่า อินเวสท์เมนท์ คอร์ป (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของจีนเตรียมซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัท ไชน่า หลงหยวน พาวเวอร์ กรุ๊ป พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งการซื้อหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งล่าสุดจากวงเงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ที่ CIC ได้ใช้จ่ายไปตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมากับธุรกิจพลังงานและทรัพยากร เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ ตลอดจนการรับมือกับเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในโลก

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์สหรัฐทั้ง 9 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ในปีนี้ ยอมรับแผนการชำระเงินคืนโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) รวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าธนาคารเหล่านี้จะสามารถชำระเงินคืนโครงการดังกล่าวได้ก็ด้วยการระดมทุนผ่านการออกหุ้นสามัญ

-- นายฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นควรจะดำเนินการเพื่อสกัดช่วงขาลงของดัชนีราคาผู้บริโภคที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับย้ำว่า นโยบายการเงินมีบทบาทที่สำคัญต่อการรับมือกับภาวะเงินฝืด

-- ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายคอมพิวเตอร์พีซีมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ หลังดีมานด์จากจีนมีการขยายตัว นอกจากนั้นบริษัทยังแย่งส่วนแบ่งในตลาดจาก เดลล์ อิงค์ มาได้ด้วย

โดยยอดขายพีซีช่วงไตรมาส 4 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม อยู่ที่ 9.86 พันล้านดอลลาร์ หรือลดลง 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับที่นักวิเคราะห์จากบริษัท แซนฟอร์ด ซี เบิร์นสไตน์ แอนด์ โค คาดว่าจะมียอดขายเพียง 9.73 พันล้านดอลลาร์

-- ธนาคารต่างๆในมาเลเซียกำลังกระหายที่จะเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่ม เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวดีขึ้น โดยบรรยากาศด้านการจ้างงานดีขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในธนาคารพาณิชย์และธนาคารอิสลาม

-- การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยด้านธุรกิจไอทีในสหรัฐคาด ยอดส่งออกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ทั่วโลกจะปรับตัวสูงขึ้น 2.8% ในปีนี้จากปีที่ผ่านมาแตะที่ 298.9 ล้านเครื่อง ซึ่งบ่งชี้ว่า ตลาดกำลังขยายตัวอย่างสดใส พร้อมทั้งคาดว่าในปีหน้า ยอดส่งออกพีซีจะขยายตัวขึ้นอีก 12.6% แตะที่ 336.6 ล้านเครื่อง

-- บริษัท โปรตอน โฮลดิ้งส์ บีเอชดี ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์แห่งชาติของมาเลเซีย ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 87%ต่อปี แตะระดับ 82.1 ล้านริงกิต หรือ 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้รวมสูงถึง 2.1 พันล้านริงกิต หรือ 600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% จากปีที่แล้ว เนื่องจากยอดขายพุ่งขึ้นและต้นทุนการผลิตลดลง

-- สื่อพม่ารายงานว่า แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะทำสถิติพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 1,136 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ราคาทองคำในประเทศพม่ากลับร่วงลงสวนทางราคาทองโลก เนื่องจากสกุลเงินจ๊าดของพม่าแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

-- นายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ ของอินเดียกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐว่า อินเดียจะร่วมมือกับสหรัฐเพื่อสร้างความมั่นคงในอัฟกานิสถาน รวมถึงควบคุมการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์

-- แปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก คาดการณ์ว่า ค่าเงินเปโซเม็กซิโกมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 20% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ในปีหน้า เนื่องจากเปโซเม็กซิโกเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีมูลค่าต่ำสุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และเนื่องจากยอดส่งออกของเม็กซิโกไปยังสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวขึ้น

-- ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในสองจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศ หลังจากที่กลุ่มมือปืนก่อเหตุสังหารหมู่อย่างน้อย 24 ศพในจังหวัดมากินดาเนา บนเกาะมินดาเนาในภาคใต้เมื่อวานนี้

-- รัฐบาลออสเตรเลียได้เสนอแนวทางในการสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตถ่านหินและไฟฟ้าของประเทศ เพื่อที่แผนการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะได้รับเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจและบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบจากการนำโครงการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้จะอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 6.4 พันล้านดอลลาร์



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ