ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานบ่งชี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.03% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4960 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4965 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.22% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6572 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6609 ปอนด์/ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 88.560 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 88.950 เยน/ดอลลาร์ และรูดลง 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0090 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0094 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.58% แตะที่ 0.9187 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9241 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.17% แตะที่ 0.7244 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7330 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
โยเซฟ เทรวิซานี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก FXSolutions กล่าวกับเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะเปราะบาง หลังจากตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวเพียง 2.8%ต่อปี ต่ำกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัว 3.5% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 49.5 จุด ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ระดับ 48.7 จุด แต่ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
กระแสความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นเมื่อบิล กรอส ประธานบริหารแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนพันธบัตรรายใหญ่สุดของโลก ระบุว่าสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงในเชิงระบบ เนื่องจากภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ครั้งใหม่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% ซึ่งกรอสเตือนว่า นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์แบบ "new normal" หรือภาวะที่ประสิทธิภาพในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลต่ำกว่าเป้าหมาย, อัตราการอุปโภคบริโภคต่ำ, อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง และภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกน้อยลง
เว็บไซท์ของพิมโคระบุว่า กองทุนพิมโค โททัล รีเทิร์น ฟันด์ (PIMCO Total Return Fund) ของบิล กรอสเพิ่มสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐเป็น 1.926 แสนล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 63% จากเดิมที่ 48% แต่พิมโคได้ลดสถานะการลงทุนในตลาดจำนองลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าการคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และทำให้สกุลเงินดอลลาร์ที่มูลค่าน้อยลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญสหรัฐในวันพุธนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนต.ค. รวมทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.
ส่วนวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) ซึ่งจะไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์