ญี่ปุ่นเปิดเผยว่ายอดส่งออกหดตัวในอัตราที่ช้าสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกช่วยกระตุ้นดีมานด์ ส่งผลให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวลง 23.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในเดือนตุลาคม จากที่หดตัว 30.6% ในเดือนกันยายน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 18 รายจากการสำรวจของบลูมเบิร์กคาดว่าจะหดตัว 26.8%
ดีมานด์จากประเทศเศรษฐกิจใหม่ซึ่งรวมถึงจีนช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทผู้ผลิตในญี่ปุ่น ตั้งแต่ฮอนด้า มอเตอร์ ไปจนถึง ฮิตาชิ คอนสตรัคชั่น แมชชีนเนอรี่ และยอดส่งออกที่กระเตื้องขึ้นช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเร็วสุดในรอบกว่า 2 ปีในไตรมาส 3 แม้ราคาสินค้าจะลดลงและเงินเยนจะแข็งค่าถึง 7.4% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ
"ดีมานด์จากจีนแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ" จุนโกะ นิชิโอกะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท อาร์บีเอส ซีเคียวริตีส์ ในโตเกียว กล่าว "นั่นหมายความว่าภาคการส่งออกจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อไปในไตรมาส 4 แม้เงินเยนจะแข็งค่าก็ตาม"
เงินเยนซื้อขายที่ระดับ 88.59 เยน/ดอลลาร์ ณ เวลา 8:54 น.ตามเวลาโตเกียว จากระดับ 88.61 เยน/ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข่าวนี้
ด้านยอดนำเข้าของญี่ปุ่นหดตัวลง 35.6% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมีตัวเลขเกินดุลการค้า 8.071 แสนล้านเยน (9.1 พันล้านดอลลาร์)
ทั้งนี้ ภาคการส่งออกของญี่ปุ่นได้รับประโยชน์จากการค้าโลกที่ดีดตัว หลังรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกลดดอกเบี้ยและทุ่มงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกันกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน