จีนประกาศเพิ่มความเข้มงวดด้านธุรกรรมโอนเงินหยวนและแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศของนักลงทุนรายย่อย ตั้งเป้าสกัดเม็ดเงินเก็งกำไร
สำนักงานกำกับดูแลด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราแห่งรัฐ (State Administration of Foreign Exchange) ของจีนออกข้อบังคับห้ามมิให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในต่างประเทศดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศกับเงินหยวนมากกว่า 5 สกุลเงินขึ้นไปในภายหนึ่งวัน หรือดำเนินธุรกรรมดังกล่าวนาน 2 วันติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังสั่งห้ามมิให้นักลงทุนรายย่อยในฮ่องกงส่งคำสั่งซื้อมากกว่า 20,000 หยวนต่อวัน และกำหนดเพดานการสั่งซื้อสกุลเงินรายวันสำหรับนักลงทุนในประเทศจีน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีกระแสคาดการณ์ว่า สกุลเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นในยามที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลให้ปริมาณเงินทุนหมุนเวียนไหลทะลักเข้าสู่จีนมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สันทัดกรณีในแวดวงธุรกิจธนาคารมองว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นเพราะรัฐบาลต้องการควบคุมเม็ดเงินเก็งกำไรที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดจีน ทางการจึงต้องสกัดช่องทางการทำธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ หลังจากที่เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาจีนมีเม็ดเงินเก็งกำไรรวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์
ด้านธนาคารกลางระบุว่า นโยบายด้านการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศจะมีผลต่อปริมาณเงินหมุนเวียนทั่วโลก ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น หลังจากที่จีนได้ควบคุมการแข็งค่าของเงินหยวนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 เป็นต้นมา เพื่อกระตุ้นภาคการส่งออกในยามที่อุปสงค์จากสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นซบเซา ที่เป็นผลสืบเนื่องจากภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ