นักลงทุนส่วนใหญ่ขาดความเชื่อมั่นต่อสถานะทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย หลังจากบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี หลังจากในปีพ.ศ.2544 รัฐบาลอาร์เจนติน่าเคยตกที่นั่งผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่มาแล้ว
รายงานระบุว่า ดูไบ เวิล์ดได้ว่าจ้างบริษัท ดีลอยท์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชีระดับโลก ให้เป็นที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างการเงินของบริษัท นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ"
ความเคลื่อนไหวในด้านลบของของรัฐบาลดูไบในครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนทั่วโลก โดยเมื่อคืนนี้ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงกว่า 170 จุด โดยเฉพาะราคาหุ้นของธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส ที่ดิ่งลงถ้วนหน้า นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังฉุดตลาดหุ้นโตเกียวและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลงในช่วงเช้านี้วันนี้ด้วย
สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลกับข่าวดังกล่าวก็เพราะทรัพย์สินของดูไบ เวิลด์ ครอบคลุมถึงหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่บริษัท เอ็มจีเอ็ม มิราจ ซึ่งเป็นบริษัทคาสิโนในลาสเวกัส ไปจนถึงธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, บริษัทค้าปลีกระดับหรูอย่าง บาร์นียส์ นิวยอร์ก และบริษัท อิสทิธมาร์ พีเจเอสซี ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชื่อดังระดับโลก ดั้งนั้น เมื่อรัฐบาลดูไบประกาศเลื่อนชำระหนี้ย่อมสะท้อนถึงสถานะทางการเงินของดูไบ และจุดปะทุให้เกิดความหวั่นวิตกในตลาดหุ้นทั่วโลก
ชี้ค อาห์หมัด บิน ซาอิด อัล-มัคตูม ประธานคณะกรรมาธิการด้นการเงินสูงสุดแห่งดูไบ กล่าวว่า "เราเข้าใจดีว่าข่าวนี้กำลังสร้างความวิตกกังวลในตลาด โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของดูไบ เวิล์ด แต่รัฐบาลดูไบต้องเข้าแทรกแซงเรื่องนี้อย่างแน่นอนเพื่อลดกระแสความวิตกกังวลและเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้นกับดูไบ เวิล์ด"
ดูไบ ซึ่งปกครองโดยชี้ค มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มัคตูม ได้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินราว 8 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างในระยะเวลา 4 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะพลิกโฉมดูไบให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการเงิน แต่ดูไบต้องประสบกับปัญหาภาวะตกต่ำสุดขีดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลให้ราคาบ้านในดูไบร่วงลง 50%
บริษัทนาคีล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือดูไบ เวิลด์เปิดเผยว่า ดูไบ เวิลด์ มีหนี้สิน 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่จากหนี้ทั้งหมดจำนวน 8.0 หมื่นล้านดอลลาร์ของรัฐบาลดูไบ
นอกจากนี้ นาคีล ซึ่งเป็นผู้พัฒนาย่านคฤหาสถ์หรูหราบนหมู่เกาะเป็นรูป ต้นปาล์มที่มีชื่อเสียงของดูไบ เวิลด์ มีหุ้นกู้อิสลามในวงเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์ ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 14 ธ.ค. และมีตราสารหนี้ในวงเงิน 3.6 พันล้าน เดอร์แฮม (980 ล้านดอลลาร์) ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 พ.ค.2010 ขณะที่บริษัทลิมิทเลส ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของดูไบ เวิลด์อีกรายหนึ่ง มีหุ้นกู้ในวงเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 31 มี.ค. 2010
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI Emerging Markets Index ดิ่งลง 2.2% ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 4 สัปดาห์ โดยตลาดหุ้นรัสเซียและจีนดิ่งลงหนักสุด ส่วนดัชนี Dow Jones Stoxx 600 Index ของยุโรปร่วงลง 3.3% ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.เป็นต้นมา