(เพิ่มเติม) "กรณ์"คาดระบบแบงก์พาณิชย์ปีหน้าขยายสินเชื่อได้ถึง 10% ตามการฟื้นตัวศก.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 27, 2009 12:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง คาดว่า การปล่อยสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิช์ปี 53 จะฟื้นมาขยายตัวได้อย่างน้อย 10% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าภาคเอกชนจะกลับมามีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขอองประเทศ หลังจากที่ปี 52 การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์หดตัวไปมาก ทำให้สถาบันการเงินของรัฐต้องเข้ามามีบทบาทแทน

ดังนั้น ในปี 53 บทบาทของสถาบันการเงินของรัฐจะกลับมาทำหน้าที่ตามปกติในการแก้ไขปัญหาสังคม โดยเน้นนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้แก่ประชาชน

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. เชื่อว่าจะยังไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากขณะนี้ยังมีสภาพคล่องในระบบเพียงพอ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหา จึงไม่คิดว่า กนง.จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นการดำเนินการที่สวนทางนโยบายหลักของรัฐบาล

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมปรับแผนการลงทุนในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งในส่วนที่ใช้เม็ดเงินลงทุนตาม พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน 4 แสนล้านบาท โดยจะเน้นการลงทุนที่ส่งผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งการลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็งมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการลงทุนพิจารณาในเรื่องนี้ และมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ร่วมพิจารณาความเหมาะสมของโครงการด้วย

ทั้งนี้มองว่าการปรับแผนการลงทุนดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากที่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน 3.5 แสนล้านบาทแล้ว ซึ่งปัญหาของประเทศไม่ใช่เรื่องการจัดหาแหล่งเงินเพื่อใช้ในการลงทุน แต่เป็นความพร้อมของการขับเคลื่อนโครงการที่หลายฝ่ายมองว่าควรจะต้องพัฒนาระบบรางในอีก 15 ปีข้างหน้า และไทยควรจะต้องเพิ่มทางรถไฟอีก 100% ประกอบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบยังขาดประสิทธิภาพ ขาดความชัดเจนของแผนงาน ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเร่งเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป

"มองว่าการปรับแผนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการลงทุนตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทชัดเจนแล้ว ก็น่าจะมีเวลาปรับแผนใช้เงิน 4 แสนล้านตาม พ.ร.บ. เพื่อเริ่มการลงทุนที่ส่งเสริมต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว" นายกรณ์ กล่าว

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงปัญหาฟองสบู่ในดูไบว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศในเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งปัญหาของดูไบเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพิ่งปรากฎปัญหาการพักชำระหนี้ เพราะดูไบได้ก่อหนี้ไว้ในจำนวนสูงตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 40

ทั้งนี้ประเทศในเอเชียไม่ได้มีปัญหามูลค่าทรัพย์สินเป็นฟองสบู่ ดังจะเห็นได้จากจีนที่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาในลักษณะดังกล่าว แต่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการมากำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อของธนาคารไม่ให้เกิดการปล่อยสินเชื่อมากเกินไป ขณะที่ไทยเองไม่ได้มีสัญญาณผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเห็นได้จากราคาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยค่อนข้างทรงตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ยอดขายเริ่มปรับขึ้นบ้างแต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นตาม

ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 52 ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% จากต้นปี แต่ถือว่าสอดคล้องกับผลกำไร ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และเมื่อเทียบราคาหุ้นของไทยกับราคาหุ้นของต่างประเทศถือว่าเป็นการปรับขึ้นในระดับที่มีเหตุมีผล

รมว.คลัง ยังมองว่าปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับประเทศดูไบ จะไม่กระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังตลาดใหม่ของไทย โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) ตลอดจนประเทศอื่นๆ ในแถบตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็นปัญหาเฉพาะตัวภายในดูไบเอง



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ