นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีปัญหาการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ว่า ภาคธุรกิจคาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในดูไบ หลังจากที่มีการก่อสร้างโครงการของดูไบ เวิลด์ ซึ่งมีการเก็งกำไรทางด้านอสังหาริมทรัพย์มากเกินไปจนขาดสภาพคล่อง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปัญหาคงกระทบแค่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ยังไม่กระทบกับภาคธุรกิจอื่น ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยไปตลาดตะวันออกกลางก็ยังไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสินค้าที่ไทยส่งออกไปตะวันออกกลางส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร และยานยนต์ ส่วนในแง่การลงทุนนั้น นักลงทุนไทยยังไม่เข้าไปลงทุนในดูไบมากนัก
นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า คงต้องติดตามสถานการณ์ฟองสบู่แตกในดูไบอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เบื้องต้นประเมินว่าคงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกบ้างแต่ไม่มาก เพราะบางประเทศในตลาดตะวันออกกลาง เศรษฐกิจยังแข็งแรงอยู่
"การเกิดวิกฤติในดูไบนั้นไทยสามารถใช้เป็นบทเรียนได้ เพราะอะไรที่โตเร็วเกินไป พอถึงจุดหนึ่งก็อาจเกิดปัญหาได้ ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจจึงควรเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เข้มแข็งดีกว่า"ประธานหอการค้าไทย ระบุ
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในดูไบเชื่อว่าจะส่งผลกระทบในวงจำกัด และไม่ลุกลามเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือปัญหาเศรษฐกิจที่สหรัฐฯ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการลงทุนของนักลงทุนไม่กี่กลุ่ม และมีแหล่งเงินกู้สำคัญอยู่เฉพาะกลุ่มอาบูดาบี จึงไม่น่ากระทบไกลไปถึงประเทศอื่น แต่ก็อาจทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดดูไบลดลง ดังนั้นภาคการส่งออกและการลงทุนของไทยที่พึ่งพาตลาดนี้อาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก