สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากวิกฤตการณ์หนี้สินในดูไบได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ในตลาดทองคำและตลาดหุ้นพร้อมกับหันไปซื้อขายในตลาดเงินแทน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,175.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 13.10 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1,155.50 - 1,180.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.302 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 46.6 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ตกลง 7.15 เซนต์ ปิดที่ 3.1255 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,447 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 32.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 365.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 5.25 ดอลลาร์
โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัทดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบได้ขอเลื่อนนัดชำระหนี้ราว 6 หมื่นล้านดอลลาร์ออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้สร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุนที่เกรงว่า ปัญหาหนี้สินในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะส่งผลกระทบเลวร้ายต่อทั่วโลกในยามที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว ขณะที่ข่าวดังกล่าวส่งผลให้มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และเอสแอนด์พี ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ"
นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดที่มีความเสี่ยง เช่น ตลาดหุ้นและตลาดทองคำ เนื่องจากนักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดความภัยในช่วงที่ดูไบกำลังเผชิญวิกฤตการณ์หนี้สิน ซึ่งภาวะเช่นนี้อาจทำให้แนวโน้มตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เผชิญช่วงขาลงในขณะที่เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น