นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ที่เชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ โลกมีการเลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ การเปลี่ยนแปลง หรือ Change มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา
ดังนั้นเห็นว่า ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกันดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและประเทศชาติให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะต้องไม่เป็นเหยื่อของการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
นายดุสิต กล่าวอีกว่าหอการค้าเตรียมรัฐบาล พิจารณาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อวางกรอบการพัฒนาใน 4-5 ปีข้างหน้า ใน 7 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจการเกษตร การบริการ การค้าชายแดน การค้าอัญมณีและเครื่องประดับ การค้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ อสังหาริมทรัพย์ และภาคการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการ เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต
นอกจากนี้ ภาคเอกชนจะมีการแผนรองรับการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะการวางกรอบการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ โดยวางเป้าหมายลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ ใน 5 ปีข้างหน้า จาก 19% เหลือ 15% ของจีดีพี
"ที่ผ่านมา เรามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาแล้ว 10 ฉบับ ซึ่งแผน 1-6 ดำเนินการพัฒนาประเทศเป็นไปด้วยดี แต่แผน 2-3 ฉบับที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ส่งผลให้แผนไม่สามารถดำเนินการได้อย่างจริงจัง" นายดุสิต กล่าว
ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวอีกว่า ภาคเอกชน ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นในส่วนของหอการค้าทั่วประเทศ จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งระบบ และจัดตั้งศูนย์ประสานงานให้ความรู้การเปิดเสรีการค้าอาเซียน ที่ภาคเอกชนไทยต้องปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลง