สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เตือนว่า ประเทศในเอเชียไม่ควรกลับไปใช้นโยบายพึ่งพาการส่งออกเพื่อผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังเช่นที่เคยทำมาในอดีตหรือในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤติ พร้อมกับชี้ว่า วิกฤติการเงินของดูไบแสดงให้เห็นว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกยังไม่สิ้นสุดลงในขณะนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า UNDP ระบุในรายงาน 113 หน้าชื่อ "วิกฤตการเงินโลกและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก" ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวันนี้ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ สหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถเป็นพลังขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกด้วยดีมานด์การนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่ยังคงหวังพึ่งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกหลัก ต้องหาทางเปลี่ยนตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ และเหนือสิ่งอื่นใดคือ เปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยหันไปให้ความสำคัญกับการส่งเสริมดีมานด์ในประเทศแทน
อาเจย์ ชิบเบอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและหัวหน้า UNDP ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังเตือนด้วยว่า วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นกับดูไบในขณะนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกยังคงค่อยๆปรากฏออกมาเป็นระลอกคลื่น และอาจจะมีตามมามากกว่านี้
"ขนาดของหนี้ไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่มันเหมือนเป็นสัญญาณว่า ปัจจัยซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตเศรษฐกิจโลกนั้น ยังคงซ่อนอยู่และไม่ได้หายไปไหน" เขากล่าวที่สิงคโปร์ ในระหว่างการประชุมเพื่อเผยแพร่รายงานฉบับดังกล่าว