ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประกาศเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์เพื่อลดผลกระทบของการผิดนัดชำระหนี้ของดูไบ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่เคยทุ่มซื้อในฐานะสกุลเงินที่ปลอดความเสี่ยงในยามเศรษฐกิจผันผวน และหันเข้าซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงยูโร นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีภาคการผลิต
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.29% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.5008 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4965 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 86.300 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 86.410 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับลง 0.02% เมื่อเทียบกับฟรังค์ที่ระดับ 1.0048 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0050 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ขยับขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6450 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6465 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.89% แตะที่ 0.9148 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9067 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.73% แตะที่ 0.7153 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7101 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐและหันเข้าซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงยูโร ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงทันทีที่มีข่าวว่าธนาคารกลางยูเออีประกาศให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิล์ด ของรัฐบาลดูไบ โดยธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ดูไบ เวิลด์ รวมถึงธนาคาร HSBC, ธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป, ธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ และธนาคารบาร์เคลย์ส
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตมิดเวสต์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 56.1 จุดในเดือนพ.ย.จากเดือนต.ค.ที่ระดับ 54.2 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะอยู่ที่ 53.7 จุดในเดือนพ.ย. โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ
ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแม้นายฮิโรชิสะ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นระบุว่า เงินเยนที่แข็งค่าในปัจจุบันถือเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะกำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทส่งออกญี่ปุ่น พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประสานงานกับสหรัฐและยุโรปเพื่อลดความร้อนแรงในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆในสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตัวเลขจ้างงานประจำเดือนพ.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนดังกล่าวจะลดลง 120,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะยืนอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนต.ค.