กระทรวงวิสาหกิจของอินโดนีเซียเตือนบริษัทของรัฐบาลอินโดนีเซียที่เข้าไปทำธุรกิจในดูไบให้ติดตามความเคลื่อนไหวของวิกฤตการณ์หนี้สินของบริษัท ดูไบ เวิลด์ และผลกระทบที่เกิดจากการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ เวิลด์ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในระยะต่อไป
นายซาอิ ดีดู รมว.วิสาหกิจกล่าวกับหนังสือพิมพ์จาการ์ต้าโพสต์ของอินโดนีเซียในวันนี้ว่า มีบริษัทก่อสร้างของรัฐบาลอินโดนีเซียหลายแห่งที่เข้าไปลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคในดูไบ อาทิ บริษัท พีที อาด์ฮี การ์ยา และบริษัท พีที วีจายา การ์ยา ทั้งนี้ นายดีดูเตือนว่าบริษัทก่อสร้างของรัฐควรระงับหรือเลื่อนแผนการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงดูไบ ซึ่งเป็นหนึ่งในนครรัฐของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
จาการ์ต้าโพสต์ระบุว่า บริษัทก่อสร้างของรัฐบาลอินโดนีเซีย รวมถึง พีที อาด์ฮี การ์ยา และพีที วีจายา การ์ยา อาจชะลอแผนขยายการลงทุนในยูเออีเพราะวิตกกังวลเรื่องผลกระทบที่เกิดจากภาระหนี้สินของดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ หลังจาก ดูไบ เวิลด์ ซึ่งมีหนี้สินรวม 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก
ทั้งนี้ บริษัท อาด์ฮี การ์ยา เพิ่งเสร็จสิ้นงานก่อสร้างอพาร์เมนท์ 35 ชั้นในเขตอัล-บูจีในดูไบ ซึ่งเป็นทาวเวอร์คอมเพล็กซ์ที่สูงที่สุดในโลก โดยทางบริษัทกำลังมองหาลู่ในโครงการอื่นๆในอ่าวเปอร์เซีย รวมถึงโครงการกว่า 106 ล้านดอลลาร์ในโอมาน ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท อาด์ฮี โอมาน ขณะที่บริษัท วีจายา การ์ยา ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างใหม่ 2 โครงการที่จะเริ่มต้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งหนึ่งในโครงการดังกล่าวคือการสร้างโรงงานพลังงานที่มีกำลังการผลิต 2 x 500 เมกกะวัตต์ในซาอุดิอาระเบีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน